1. เทอร์โมพลาสติก (Thermoplastic)
เทอร์โมพลาสติก (Thermoplastic) เป็นพลาสติกที่ใช้กันแพร่หลายมากที่สุด มีคุณสมบัติพิเศษ คือ เมื่อได้รับความร้อนถึงจุดหนึ่งก็จะหลอมเหลว ซึ่งแต่ละชนิดใช้ความร้อนในการหลอมเหลวไม่เท่ากันแล้วแต่ชนิดของพลาสติกนั้นๆ ทั้งนี้ เนื่องจากโครงสร้างพลาสติกแต่ละชนิดต่างกัน คุณสมบัติพิเศษที่สำคัญอีกประการหนึ่งของเทอร์โมพลาสติก คือ สามารถนำกลับมาหลอมและผลิตเป็นเครื่องใช้ได้อีกเรียกว่า พลาสติกรีไซเคิล (Recycle Plastic) ซึ่งพลาสติกประเภทนี้มีอยู่ด้วยกัน 6 ชนิด คือ
1.1 พีอี (Polyethylene : PE)
เป็นพลาสติกที่มีผู้นิยมใช้กันมาก โดยทั่วไปพลาสติกชนิดนี้จะยอมให้ไอน้ำซึมผ่านได้น้อย แต่จะยอมให้ก๊าซซึมผ่านได้ ทนความเป็นกรดได้ปานกลาง ทนความร้อนได้ไม่ดีมากนัก แต่จะทนความเย็นได้ดีมาก สามารถนำไปผลิตเป็นเครื่องใช้ได้หลายประเภท มีอยู่ด้วยกัน 2ชนิด คือ
• ชนิดความหนาแน่นต่ำ (Low Density Polyethylene : LDPE ) เป็นพลาสติกที่ต้านทานสารเคมีได้ดี อ่อนนุ่ม เหนียว ป้องกันการซึมผ่านของไอน้ำได้ดี ใช้ผลิตถึงพลาสติกใส่ของ ถุงซิป หลอดยาสีฟัน แปรงซักผ้า สายเคเบิล ของเล่นเด็ก สายน้ำเกลือ และของใช้ในบ้านต่างๆ
• ชนิดความหนาแน่นสูง (High Density Polyethylene : HDPE) เป็นพลาสติกที่ต้านทานสารเคมีได้ดี สามารถป้องกันการซึมผ่านของไอน้ำ ทนต่อแรงกระแทก มีความแข็ง คงรูป ใช้ผลิตขัน กระดุม หลอดกาแฟ แผงบรรจุยา ฝาขวดนม ตาข่าย อ่างผสมปูน ถังปูน
ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ทำจากพลาสติกพีอี (LDPE)
ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ทำจากพลาสติกพีอี (HDPE)
1.2 พีวีซี (polyvinyl chloride : PVC)
เป็นพลาสติกที่มีคุณสมบัติแข็ง เมื่อจะทำให้มีความนิ่มและยืดหยุ่นจะต้องเติมสารปรุงแต่ง (Plasticisers) เป็นพลาสติกที่สามารถทนต่อไขมัน กรด และแอลกอฮอล์ได้ดี สามารถป้องกันก๊าซและไขมันซึมผ่านได้ดี ทนต่อความร้อนสูงใกล้จุดน้ำเดือด แต่ไม่สามารถทนต่อแสงแดด คือ เมื่อถูกแสงแดดมากๆ จะทำให้เปราะและแตกได้เหมาะสำหรับทำภาชนะบรรจุภัณฑ์ เช่น ขวดน้ำมันพืช น้ำส้มสายชู เครื่องสำอาง หรือ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ทำจากพลาสติกพีวีซี (polyvinyl chloride : PVC)
1.3 พีพี (Polypropylene : PP)
เป็นพลาสติกที่ยอมให้ไอน้ำซึมผ่านได้น้อยแต่จะยอมให้ก๊าซซึมผ่านได้ดี ทนความเป็นกรดได้ปานกลาง ทนความร้อนได้ดีแต่ไม่ทนต่อความเย็น จึงไม่เหมาะแก่การแช่เย็น เป็นพลาสติกที่มีผู้ใช้กันมากเช่นเดียวกับ พีอี เนื่องจากมีคุณสมบัติใกล้เคียงกันมาก แต่ที่แตกต่างกัน คือ ความคงทนต่อไขมันได้ดีกว่า ทนความร้อนได้สูงกว่า ดังนั้นจึงนิยมใช้ผลิตถุงร้อน แผ่นฟิล์มถนอมอาหาร บรรจุยา น้ำผลไม้ เครื่องสำอาง ชมพู ลังพลาสติก กล่องพลาสติก พาเลทพลาสติก
ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ทำจากพลาสติกพีพี (Polypropylene : PP)
1.4 พีเอส (Polystyrene : PS)
เป็นพลาสติกที่มีลักษณะโปร่งใส แต่เปราะ มีคุณสมบัติพิเศษ คือ สามารถทนกรดและด่างได้ดี แต่ไม่สามารถรับแรงกระแทกได้มาก ถ้านำไปผสมสารบางชนิด จะทำให้สามารถรับแรงกระแทกได้มากขึ้น แต่จะไม่โปร่งใส ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากพีเอสส่วนใหญ่ คือ ชาม ของเด็กเล่น ฉนวนไฟฟ้า และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิด
ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ทำจากพลาสติกพีเอส (Polystyrene : PS)
1.5 อีพีเอส (Expandable Polystyrene : EPS)
เป็นพลาสติกชนิดหนึ่งที่มีขั้นตอนการผลิตแยกมาจากพีเอส สามารถนำมาผลิตเป็นโฟม (Foam) เรียกว่า พีเอสโฟม (PS Foam) โฟมดังกล่าวเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ผลิตถ้วยไอครีม ถ้วยเครื่องดื่ม ถาด หรือ กระบะใส่อาหารสำเร็จรูปประเภทฟาสต์ฟู้ด (Fast Food) ถังเก็บของสดหรือถังน้ำแข็งเนื่องจากมีคุณสมบัติพิเศษในการรักษาอุณหภูมิได้ดี เป้นพลาสติกที่มีสีขาวสะอาดสามารถใช้ในการหีบห่อของแตกง่าย มีน้ำหนักเบา
ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ทำจากพลาสติกอีพีเอส (Expandable Polystyrene : EPS)
1.6 พีอีที (Poly Ethylene Terephthalate : PET)
เป็นพลาสติกโพลิเอสเตอร์ชนิดหนึ่ง ป้องกันการซึมผ่านของน้ำได้ปานกลางแต่ป้องกันการซึมผ่านของก๊าซได้ดีมาก ทนความเป็นกรดและความเย็นได้ดี นิยมใช้ทำขวดบรรจุน้ำมันพืช เส้นใยทำเสื้อผ้า เชือก พรม ขวดน้ำดื่นโพลาลิสที่เป้นพลาสติก หรือขวดน้ำอัดลมพลาสติก
ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ทำจากพลาสติกพีอีที (Poly Ethylene Terephthalate : PET)
1.7 โพลีเมธิล เมธาคีเลท (Polymethyl Methacrylate : PMPA)
โพลีเมธิล เมธาดิเลท หรือ อะคริลิค (Acrylic) มีลักษณะใสไม่มีสี สามารถให้แสงส่องผ่านได้ถึง 92 เปอร์เซ็นต์ มีความแข็งแกร่งและทนทานต่อดินฟ้าอากาศ คงทนต่อความร้อนดีมากส่วนสมบัติการเป็นฉนวนไฟฟ้าดีปานกลาง เนื่องจากคุณสมบัติเด่นของ PMPA คือ ความโปร่งใส และนำไปย้อมสีได้ง่าย ใช้ผลิตภัณฑ์ หลังคาโปร่งแสงก๊อกน้ำ เครื่องสสุขภัณฑ์ เครื่องประดับ ชิ้นส่วนแว่นตา เลนส์ ไฟเลี้ยวไฟท้ายกระจำรถยนต์ หน้าปัดเข็มไมล์
1.8 โพลีอะดิไลไนไตร์ (Polyacrylonitrile : PAN)
คุณมสมบัติที่โดดเด่นของเส้นใยนี้ทำให้เหมาะแก่การใช้งานเป็นชิ้นส่วนทางเทคนิคที่ต้องรับน้ำหนักมาก เช่น การใช้เป็นวัสดุสำหรับร่มชูชีพหรืออุปกรณ์ป้องกันในอุตสาหกรรมสิ่งทอ หรือการใช้เป็นเส้นเอ็นเทียม นอกจากนี้ยังอาจใช้ในอุตสาหกรรมการบินและยานยนต์ในการผลิตยางกันรอยหรืออื่น ๆ ที่จะช่วยลดน้ำหนักของรถยนต์ได้
1.9 พอลิเอไมด์หรือไนลอน (Polyamide or Nylon) : PA)
ลักษณะเมื่อเป็นฟิล์ม มีลักษณะโปร่งใส แต่เมื่อนำมาหล่อจะทึบแสงมีสีขาว ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส และไม่เป็นอันตราย ทนต่ออุณหภูมิสูงได้ดี มีสมบัติเด่นคือ แข็งแรงเหนียว ต้านทานแรงดึง และแรงฉีดขาดได้ดี ทนต่อการกัดกร่อนและการเสียดสี ไม่เสียรูปง่ายเหมาะสำหรับงานรับแรงมากๆ ใช้ในผลิตภัณฑ์ ส่วนประกอบของเครื่องจักร เช่น ทำเฟือง ทำล้อ ลูกกลิ้ง
1.10 เอส เอ เอ็น (Styrene Acrylonitrile : SAN)
พลาสติกชนิดใส ทนทานต่อความร้อน ทนต่อสารเคมี สามารถต้านทานไฟฟ้าได้ องค์ประกอบทางเคมีส่งผลให้มีความแข็งแรงสูงและมีความเหนียวกว่า Polystyren ทั่วไป แต่น้อยกว่า ABS จึงนิยมนำไปผลิตชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าบรรจุภัณฑ์สำหรับเครื่องสำอาง และเครื่องใช้ในครัวเรือนที่มีคุณภาพสูง
1.11 เอ บี เอส (Acrylonitrile-Butadiene-Styrene : ABS)
มีสามบัติทนทานต่อแรงกระแทก มีพื้นผิวมันเงา จึงพบได้บ่อยในอุตสาหกรรมและผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น เป็นส่วนประกอบของ โทรศัพท์มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้า กล่องพักสายไฟ ของเล่น หมวกกันน็อค มีข้อดีคือ แข็งแรง ยืดหยุ่น ทนต่อสภาพอากาศ ทนต่อแรงบีบ จุดหลอมเหลวสูง สามารถขึ้นรูปได้ง่าย
1.12 โพลีคาร์บอเนต (Polycarbonate : PC)
สามารถทนต่ออุณหภูมิสูงได้ประมาณ 120 องศาเซลเซียส(ABS ทนได้เพียง 105 องศาเซลเซียส) มีความแข็งแรงสูง ทนทานต่อแรงและการกระแทกได้ดี มีความยืดหยุ่นปานกลาง(มากกว่าABSและPLA แต่ไม่เท่ากับNylon(PA) มีความใสกวาสพลาสติกอื่นๆ