โรคข้าวที่สำคัญสร้างความเสียหายต่อนาและผลผลิตข้าวพร้อมวิธีป้องกันและกำจัด

โรคข้าวที่สำคัญสาเหตุที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส ไฟโตพลาสมา ไส้เดือนฝอย สิ่งไม่มีชีวิต
สารบัญ
ตอน  1  2  3 

โรคข้าวที่มีสาเหตุเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย

โรคขอบใบแห้งในข้าว (Bacterial Leaf Blight or Bacterial Blight Disease)

โรคขอบใบแห้งในข้าว สาเหตุ อาการ วิธีป้องกันกำจัด
สาเหตุ : เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Xanthomonas oryzae pv. oyzae (ex Ishiyama) Swings et al.
พบมาก ในนาน้ำฝน และนาชลประทาน ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้

อาการโรคขอบใบแห้งในข้าว

โรคขอบใบแห้งเป็นได้ตั้งแต่ระยะกล้า แตกกอ จนถึง ออกรวง ต้นกล้าก่อนนำไปปักดำจะมีจุดเล็กๆ ลักษณะช้ำๆที่ขอบใบของใบล่าง ต่อมาประมาณ 7-10 วัน จุดช้ำนี้จะขยายกลายเป็นทางสีเหลืองยาวตามใบข้าว ใบที่เป็นโรคจะแห้งเร็ว และสีเขียวจะจางลงเป็นสีเทาๆ อาการในระยะปักดำจะแสดงหลังปักดำแล้วหนึ่งเดือนถึงเดือนครึ่ง ใบที่เป็นโรคขอบใบมีรอยขีดช้ำ ต่อมาจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ที่แผลมีหยดน้ำสีครีมคล้ายยางสนกลมๆ ขนาดเล็กเท่าหัวเข็มหมุด ต่อมาจะกลายเป็นสีน้ำตาลและหลุดไปตามลม น้ำหรือฝน ซึ่งจะทำให้โรคสามารถระบาดต่อไปได้แผลจะขยายไปตามความยาวของใบ บางครั้งขยายเข้าไปข้างในตามความกว้างของใบ ขอบแผลมีลักษณะเป็นขอบลายหยักแผลนี้เมื่อนานไปจะเปลี่ยนเป็นสีเทา ใบที่เป็นโรคขอบใบจะแห้งและม้วนตามความยาว ในบางกรณีที่เชื้อมีปริมาณสูงเข้าทำลายทำให้ท่อน้ำท่ออาหารอุดตัน ต้นข้าวทั้งต้นจะเหี่ยวเฉาและตายโดยรวดเร็วเรียกอาการของโรคนี้ว่า "ครีเสก"
ลักษณะโรคขอบใบแห้งจะมีสีเหลืองยาวตามใบข้าว
ลักษณะโรคขอบใบแห้ง
อาการโรคขอบใบแห้งใบที่เป็นโรคแห้งเร็วและม้วนตามความยาว
อาการโรคขอบใบแห้ง

การแพร่กระบาดโรคขอบใบแห้งในข้าว

แพรีระบาดติดไปกับน้ำในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงในสภาพที่มีฝนตก ลมพัดแรง จะช่วยให้โรคแพร่ระบาดอย่างกว้างขวางรวดเร็ว

การป้องกันกำจัดโรคขอบใบแห้งในข้าว

• ใช้พันธุ์ข้าวที่ต้านทานโรค เช่น ในภาคกลางใช้พันธุ์ สุพรรณบุรี 60 สุพรรณบุรี 90 สุพรรณบุรี 1 สุพรรณบุรี 2 และ กข23
• ไม่ควรใส่ปุ๋ยไนโตรเจนมากในดินที่อุดมสมบูรณ์อยู่แล้ว
• ไม่ควรระบายน้ำฝนจากแปลงนาที่เป็นโรคไปสู่นาแปลงอื่น
• ควรเฝ้าระวังการเกิดโรคถ้าปลูกข้าวพันธุ์ที่อ่อนแอต่อโรคนี้ เช่น พันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 กข6 เหนียวสันป่าตอง พิษณุโลก 2 ในกรณีที่ปลูกข้าวพันธุ์ไม่ต้านทานโรค ควรเฝ้าระวังการเกิดโรค และใช้สารป้องกันกำจัดโรคพืช เสตร็พโตมัยซินซัลเฟต + ออกซีเตตราไซคลินไฮโดรคลอร์ไรด์ (แคงเกอร์เอ็กซ์) หรือ คอปเปอร์ไฮดรอกไซด์ (ฟังกูราน) หรือ ไอโซโพรไทโอเลน (ฟูจิ-วัน) หรือ ไตรเบสิค คอปเปอร์ซัลเฟตเมื่อเริ่มพบอาการของโรคบนใบข้าว

โรคใบขีดโปร่งแสงในข้าว (Bacterial Leaf Streak Disease)

โรคใบขีดโปร่งแสงในข้าว สาเหตุ อาการ วิธีป้องกันกำจัด
สาเหตุ : เชื้อแบคทีเรีย Xanthomonas oryzae pv. oryzicola (Fang et al.) Swings et al.
พบมาก ในนาน้ำฝน และนาชลประทาน ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้

อาการโรคใบขีดโปร่งแสงในข้าว

โรคใบขีดโปร่งแสงเป็นได้ตั้งแต่ แตกกอ จนถึง ออกรวง อาการปรากฏที่ใบ ขั้นแรกเห็นเป็นขีดช้ำยาวไปตามเส้นใบ ต่อมาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองส้ม เมื่อแผลขยายรวมกันก็จะเป็นแผลใหญ่ แสงสามารถทะลุผ่านได้ และพบแบคทีเรียในรูปหยดน้ำสีครีมคล้ายยางสนกลมๆ ขนาดเล็กเท่าหัวเข็มหมุดปรากฏอยู่บนแผล ส่วนความยาวของแผลขึ้นอยู่กับความต้านทานของพันธุ์ข้าว และความรุนแรงของเชื้อแต่ละท่องที่ ในพันธุ์ข้าวที่ไม่มีความต้านทานเลย แผลจะขยายจนใบไหม้ไปถึงกาบใบด้วยลักษณะของแผลจะคล้ายคลึงกับเกิดบนใบ ส่วนในพันธุ์ต้านทานจำนวนแผลจะน้อยและแผลจะไม่ค่อยขยายตามยาว รอบๆ แผลจะมีสีน้ำตาลดำ
ลักษณะอาการโรคใบขีดโปร่งแสงเป็นขีดช้ำยาวไปตามเส้มใบเปลี่ยนเป็นสีเหลืองส้ม
ลักษณะอาการโรคใบขีดโปร่งแสง
เชื้อแบคทีเรียสาเหตุโรคใบขีดโปร่งแสง
เชื้อแบคทีเรียสาเหตุโรคใบขีดโปร่งแสง

การแพร่ระบาดโรคใบขีดโปร่งแสงในข้าว

ข้าวที่เป็นโรคมักถูกหนอนกระทู้ หนอนม้วนใบ และแมลงดำหนามเข้าทำลายซ้ำเติม ในสภาพที่มีฝนตก ลมพัดแรงจะช่วยให้โรคแพร่ระบาดอย่างกว้างขวางรวดเร็ว

การป้องกันกำจัดโรคโรคใบขีดโปร่งแสงในข้าว

• ในดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ไม่ควรใส่ปุ๋ยไนโตรเจนมาก
• ไม่ควรปลูกข้าวหนาแน่นมากเกินไปและอย่าให้ระดับน้ำในแปลงนาสูงเกินควร
• ถ้าอาการของโรคไม่รุนแรงมาก อาจไม่ต้องทำการป้องกันกำจัด แต่ถ้าต้องการป้องกันกำจัดให้ใช้วิธีเดียวกับโรคขอบใบแห้ง
  • ควรเฝ้าระวังการเกิดโรค หากปลูกข้าวพันธุ์ที่อ่อนแอต่อโรคนี้ เช่น พันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 ชัยนาท 1 พิษณุโลก 2 กข41 กข47 กข49 กข 57 กข61 กข71 กข79 เป็นต้น
  • เมื่อเริ่มพบอาการของโรคบนใบข้าวในระยะเริ่มแรก และสภาพแวดล้อมเหมาะสมต่อการเกิดโรค เช่น ความชื้นสูง หรือฝนตก ควรพ่นสารป้องกันกำจัดโรคพืช เช่น ไอโซโพรไทโอเลน, คอปเปอร์ไฮดรอกไซด์, เสตร็พโตมัยซินซัลเฟต+ออกซิเตตราไซคลินไฮโดรคลอร์ไรด์, ไตรเบสิค คอปเปอร์ซัลเฟต เป็นต้น

โรคใบแถบแดงในข้าว (Red Stripe Disease)

โรคใบแถบแดงในข้าว สาเหตุ อาการ วิธีป้องกันกำจัด
สาเหตุ : เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Microbacterium sp.
พบมาก ในนาชลประทาน เขตภาคกลาง

อาการโรคใบแถบแดงในข้าว

ลักษณะอาการที่สำคัญของโรคใบแถบแดง เริ่มแรกใบข้าวจะเป็นจุดสีเหลือง แผลเป็นรูปกลมหรือรูปไข่ จากนั้นจะขยายจากจุดที่เริ่มเป็นขึ้นเป็นแถบไปทางปลายใบ สีของแผลจะเข้มขึ้นเป็นสีเหลืองส้ม บางครั้งจุดนี้จะมีสีเข้ม แผลที่เกิดขึ้นเมื่อเป็นรุนแรงจะแห้งทั้งใบ
โรคใบแถบแดงใบข้าวจะเป็นจุดสีเหลือง แผลเป็นรูปกลมหรือรูปไข่
ลักษณะอาการเริ่มแรกของโรคใบแถบแดง
โรคใบแถบแดงขยายเป็นแถบไปทางปลายใบ
ลักษณะพัฒนาการโรคใบแถบแดง

การแพร่ระบาดโรคใบแถบแดงในข้าว

สามารถถ่ายทอดได้โดยวิธีการสัมผัส ทางบาดแผล และ รูเปิดตามธรรมชาติ (ปากใบ)

การป้องกันกำจัดโรคใบแถบแดงในข้าว

• ไม่ควรใส่ปุ๋ยไนโตรเจนในอัตราที่สูง ซึ่งทำให้เพิ่มความรุนแรงของโรค
• เชื้อสาเหตุโรคนี้สามารถป้องกันกำจัดด้วยสารป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น คาร์เบนดาซิม หรือ ไทโอฟาเนต เมทิล หรือ โปรพิโคนาโซล + ไดฟีโนโคนาโซล ตามอัตราที่ระบุ

โรคข้าวที่มีสาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัส

โรคใบสีส้มในข้าว (Tungro Disease or Yellow Orange Leaf Disease)

โรคใบสีส้มในข้าว สาเหตุ อาการ วิธีป้องกันกำจัด
สาเหตุ : เกิดจากเชื้อไวรัส Rice Tungro Bacilliform Virus (RTBV) Rice Tungro Spherical Virus (RTSV)
พบมาก ทั้งนาน้ำฝนและนาชลประทาน ในภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันตก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ ภาคใต้

อาการโรคใบสีส้มในข้าว

ต้นข้าวเป็นโรคใบสีส้มได้ทั้งระยะกล้า แตกกอ ตั้งท้อง หากได้รับเชื้อตอนข้าวอายุอ่อน (ระยะกล้า-แตกกอ) ข้าวจะเสียหายมากกว่าการได้รับเชื้อตอนข้าวอายุแก่ (ระยะตั้งท้อง-ออกรวง) ข้าวเริ่มแสดงอาการตั้งแต่อายุ 15-20 วัน ทั้งนี้แล้วแต่ว่าข้าวจะได้รับเชื้อระยะใด อาการเริ่มต้น ใบข้าวจะเริ่มมีสีเหลืองสลับเขียวต่อมาจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เริ่มจากปลายใบเข้าหาโคนใบ ถ้าเป็นรุนแรงในระยะกล้าต้นข้าวอาจถึงตายได้ ถ้าอาการแสดงหลังปักดำ เริ่มสังเกตได้ที่ใบเช่นกัน ต้นที่เป็นโรคจะเตี้ยแคระแกรนช่วงลำต้นสั้นกว่าปกติมาก ถ้าเป็นรุนแรงอาจตายทั้งกอ ถ้าไม่ตายเมื่อถึงระยะออกรวง จะทำให้รวงเล็ก หรือไม่ออกรวงเลย และออกรวงล่าช้ากว่าปกติ
ลักษณะอาการโรคใบสีส้มต้นจะเตี้ยแคระแกรน
ลักษณะอาการโรคใบสีส้ม
เพลี้ยจักจั่นสีเขียวพาหะนำโรคใบสีส้มในข้าว
เพลี้ยจักจั่นสีเขียวพาหะนำโรคใบสีส้ม

การแพร่ระบาดโรคใบสีส้มในข้าว

มีเพลี้ยจักจันสีเขียวเป็นแมลงพาหะนำโรค

การป้องกันกำจัดโรคใบสีส้มในข้าว

• ใช้พันธุ์ข้าวต้านทานแมลงเพลี้ยจักจั่นสีเขียว เช่น กข1 กข3
• กำจัดวัชพืช และพืชอาศัยของเชื้อไวรัสและแมลงพาหะนำโรค
• ใช้สารป้องกันกำจัดแมลงพาหะ ได้แก่ ใช้สารฆ่าแมลงในระยะที่แมลงยังเป็นตัวอ่อน เช่น ไดโนทีฟูแรน หรือ บูโพรเฟซิน หรือ อีโทเฟนพรอกซ์ ไม่ควรใช้สารฆ่าแมลงผสมกันหลายๆ ชนิด หรือใช้สารฆ่าแมลงผสมสารกำจัดโรคหรือสารกำจัดวัชพืช เพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพของสารฆ่าแมลงลดลง ไม่ใช้สารกลุ่มไพรีทรอยด์สังเคราะห์ เช่น ไซเพอร์เมทริน ไซฮาโลทริน เดลต้าเมทริน

โรคใบหงิกในข้าว (โรคจู๋) (Ragged Stunt Disease)

โรคใบหงิกในข้าว (โรคจู๋) สาเหตุ อาการ วิธีป้องกันกำจัด
สาเหตุ : เกิดจากเชื้อไวรัส Rice Ragged Stunt Virus (RRSV)
พบมาก ในนาชลประทาน ภาคกลาง

อาการโรคใบหงิก (โรคจู๋) ในข้าว

โรคใบหงิก หรือ โรคจู๋ ต้นข้าวเป็นโรคได้ทั้งระยะกล้า แตกกอ ตั้งท้อง อาการของต้นข้าวที่เป็นโรคสังเกตได้ง่ายๆ คือข้าวต้นเตี้ย ไม่พุ่งสูงเท่าที่ควร ใบสีเขียวเข้ม แคบและสั้น ใบใหม่แตกช้ากว่าปกติ และเมื่อแตกพุ่งขึ้นมาไม่ค่อยสมบูรณ์ ปลายใบบิดเป็นเกลียว เป็นลักษณะเด่นที่เรียกว่า "โรคใบหงิก" นอกจากนี้ยังสังเกตเห็นขอบใบแหว่งวิ่นและเส้นใบบวมโป่งเป็นแนวยาวทั้งที่ใบและกาบใบข้าวที่เป็นโรคออกรวงช้าและให้รวงที่ไม่สมบูรณ์ รวงให้เมล็ดลีบเป็นส่วนใหญ่ เมล็ดด่างเสียคุณภาพเป็นส่วนมาก ผลผลิตลดลงประมาณ 1/3 ถึง 2/3 และถ้ามีโรคแทรกซ้อนเข้าซ้ำเติม เช่น โรคเมล็ดด่างและโรคใบขีดสีน้ำตาล ซึ่งทั้งสองโรคนี้มักพบเสมอกับข้าวที่เป็นโรคใบหงิก อาจทำให้ผลผลิตเสียหายถึง 100 เปอร์เซ็นต์
ลักษณะอาการโรคใบหงิก (โรคจู๋) ปลายใบบิดเป็นเกลียว
ลักษณะอาการโรคใบหงิก (โรคจู๋)
เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลพาหะนำโรคใบหงิกในข้าว (โรคจู๋)
เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลพาหะนำโรคใบหงิก (โรคจู๋)

การแพร่ระบาดโรคใบหงิก (โรคจู๋) ในข้าว

สามารถถ่ายทอดโรคได้โดยแมลงพาหะ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล และคงอยู่ในตอซัง และหญ้าบางชนิด

การป้องกันกำจัดโรคใบหงิก (โรคจู๋) ในข้าว

• กำจัดหรือทำลายเชื้อไวรัส โดยการไถกลบหรือเผาตอซังในนาที่มีโรค กำจัดวัชพืช โดยเฉพาะวัชพืชใกล้แหล่งน้ำที่เป็นที่อยู่อาศัยและขยายพันธุ์ของแมลงพาหะ
• ใช้พันธุ์ข้าวที่ต้านทานต่อแมลงพาหะที่ทางราชการแนะนำปัจจุบันมีพันธุ์ สุพรรณบุรี 90 สุพรรณบุรี 3 และ ชัยนาท 2 ซึ่งมีคุณสมบัติต้านทานการดูดกินของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลได้ดีพอสมควร แต่ไม่ควรปลูกข้าวพันธุ์ดังกล่าวติดต่อกันเป็นแปลงขนาดใหญ่เนื่องจากแมลงสามารถปรับตัวเข้าทำลายพันธุ์ข้าวที่ต้านทานได้
• ใช้สารป้องกันกำจัดแมลงพาหะ ได้แก่ ใช้สารฆ่าแมลงในระยะที่แมลงเป็นตัวอ่อน เช่น ไดโนทีฟูแรน หรือ บูโพรเฟซิน หรือ อีโทเฟนพรอกซ์ ไม่ควรใช้สารฆ่าแมลงผสมกันหลายๆ ชนิดหรือใช้สารฆ่าแมลงผสมสารป้องกันกำจัดโรคหรือสารป้องกันกำจัดวัชพืช เพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพของสารฆ่าแมลงลดลง
• ไม่ใช้สารกลุ่มไพรีทรอยด์สังเคราะห์ เช่น ไซเพอร์เมทริน ไซฮาโลทริน เดลต้าเมทริน เนื่องจากสารกลุ่มนี้ไปทำลายแมลงศัตรูธรรมชาติ จึงทำให้เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาด
• ถ้าปฏิบัติได้ เมื่อมีโรคระบาดรุนแรงควรงดปลูกข้าว 1-2 ฤดู เพื่อตัดวงจรชีวิตแมลงพาหะ

โรคหูดในข้าว (Gall Dwarf] Disease)

โรคหูดในข้าว สาเหตุ อาการ วิธีป้องกันกำจัด
สาเหตุ : เกิดจากเชื้อไวรัส Rice Gall Dwarf Virus (RGDV)
พบมาก ในนาชลประทาน ภาคกลาง

อาการโรคหูดในข้าว

ต้นข้าวเป็นโรคหูดได้ ทั้งระยะกล้า แตกกอ ตั้งท้อง เป็นโรคที่แสดงอาการคล้ายคลึงโรคใบหงิกมาก ข้าวจะต้นเตี้ย แคระแกรน ใบสีเขียวเข้ม และสั้นกว่าปกติ ที่บริเวณหลังและกาบใบปรากฏปุ่มขนาดเล็ก สีเขียวซีดหรือขาวใส ลักษณะคล้ายเม็ดหูด เม็ดหูดนี้คือ เส้นใบที่บวมปูดออกมานั้นเอง เม็ดหูดจะปรากฏเด่นชัดและมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเมื่อต้นข้าวแสดงอาการรุนแรงต้นข้าวเป็นโรคจะแตกกอน้อยข้าวให้รวงไม่สมบูรณ์มีเพียง 2-3 รวง/กอ

การแพร่ระบาดโรคหูดในข้าว

พาหะโรคหูดในข้าวเพลี้ยจักจั่นปีกลายหยัก
พาหะโรคหูดเพลี้ยจักจั่นปีกลายหยัก
พาหะโรคหูดในข้าวเพลี้ยจักจั่นสีเขียว
พาหะโรคหูดเพลี้ยจักจั่นสีเขียว

การป้องกันกำจัดโรคหูดในข้าว

• กำจัดหรือทำลายเชื้อไวรัส โดยการไถกลบหรือเผาตอซังในนาที่มีโรค กำจัดวัชพืช โดยเฉพาะวัชพืชใกล้แหล่งน้ำที่เป็นที่อยู่อาศัยและขยายพันธุ์ของแมลงพาหะ
• ใช้พันธุ์ข้าวที่ต้านทานต่อแมลงพาหะที่ทางราชการแนะนำ เช่น กข1 กข3 ซึ่งมีคุณสมบัติต้านทานการดูดกินของเพลี้ยจักจั่นสีเขียว และ เพลี้ยจักจั่นปีกลายหยัก ได้ดีพอสมควร แต่ไม่ควรปลูกข้าวพันธุ์ดังกล่าวติดต่อกันเป็นแปลงขนาดใหญ่ เนื่องจากแมลงสามารถปรับตัวเข้าทำลายพันธุ์ข้าวที่ต้าทานได้
• ใช้สารป้องกันแมลงพาหะ ได้แก่ ใช้สารฆ่าแมลงในระยะที่แมลงยังเป็นตัวอ่อน เช่น ไดโนทีฟูแรน หรือ บูโพรเฟซิน หรือ อีโทเฟนพรอกซ์ ไม่ควรใช้สารฆ่าแมลงผสมกันหลายชนนิด หรือใช้สารฆ่าแมลงผสมสารป้องกันกำจัดโรคพืชหรือสารกำจัดวัชพืช เพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพของสารฆ่าแมลงลดลง
• ไม่ใช้สารกลุ่มไพรีทรอยด์สังเคราะห์ เช่น ไซเพอร์เมทริน ไซฮาโลทริน เดลต้าเมทริน
• ถ้าปฏิบัติได้ เมื่อโรคระบาดรุนแรงควรปลูกข้าว 1-2 ฤดู เพื่อตัดวงจรชีวิตของแมลงพาหะ

โรคเขียวเตี้ยในข้าว (Grassy Stunt Disease)

โรคเขียวเตี้ยในข้าว สาเหตุ อาการ วิธีป้องกันกำจัด
สาเหตุ : เกิดจากเชื้อไวรัส Rice Grassy Stunt Virus (RGSV)
พบมาก ในนาชลประทาน ภาคกลาง

อาการโรคเขียวเตี้ยในข้าว

ต้นข้าวเป็นโรคเขียวเตี้ยได้ทั้ง ระยะกล้า แตกกอ และตั้งท้อง ต้นข้าวที่เป็นโรคนี้ต้นจะเตี้ย แคระแกรน เป็นพุ่มแจ้ แตกกอมาก ใบแคบมีสีเหลือง เหลืองอมเขียวจนถึงเหลืองอ่อน พบว่าที่ใบมีจุดประสีเหลืองอ่อนจนถึงน้ำตาลอ่อน บางครั้งพบว่าระหว่างเส้นใบเป็นแถบสีเขียวเหลืองขนานไปกับเส้นกลางใบ ต้นข้าวที่เป็นโรคมักจะไม่ออกรวงหรือรวงลีบ บางครั้งอาจพบโรคนี้เกิดร่วมกับโรคใบหงิก แต่ไม่พบการระบาดของโรคในวงกว้างเหมือนโรคใบหงิก (โรคจู๋)
ลักษณะอาการโรคเขียวเตี้ย ต้นข้าวจะเตี้ย แคระแกรน เป็นพุ่มแจ้
ลักษณะอาการโรคเขียวเตี้ย
พาหะโรคเขียวเตี้ยในข้าวคือเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล
พาหะโรคเขียวเตี้ยเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล

การแพร่ระบาดโรคเขียวเตี้ยในข้าว

เชื้อไวรัสสาเหตุโรคแพร่ระบาดโดยมีแมลงพาหะเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลเป็นแมลงพาหะ

การป้องกันกำจัดโรคเขียวเตี้ยในข้าว

• กำจัดหรือทำลายเชื้อไวรัส โดยการไถกลบหรือเผาตอซังในนาที่มีโรค กำจัดวัชพืชโดยเฉพาะวัชพืชใกล้แหล่งน้ำที่เป็นที่อยู่อาศัยและขยายพันธุ์ของแมลงพาหะ
• ใช้พันธุ์ข้าวที่ต้านทานต่อแมลงพาหะที่ทางราชการแนะนำ ปัจจุบันมีพันธุ์ข้าว สุพรรณบุรี 90 สุพรรณบุรี 3 พิษณุโลก 2 และ ชัยนาท 2 ซึ่งมีคุณสมบัติต้านทานการดูดกินของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลได้ดีพอสมควร แต่ไม่ควรปลูกข้าวพันธุ์ดังกล่าวข้างต้นติดต่อกันเป็นแปลงขนาดใหญ่ เนื่องจากแมลงสามารถปรับตัวเข้าทำลายพันธุ์ข้าวที่ต้านทานได้
• ใช้สารป้องกันกำจัดพาหะ ได้แก่ สารฆ่าแมลงในระยะที่แมลงยังเป็นตัวอ่อน เช่น ไดโนทีฟูเรน หรือ บูโพรเฟซิน หรือ อีโทเฟนพรอกซ์ ไม่ควรใช้สารฆ่าแมลงผสมกันหลายๆ ชนิด หรือใช้สารฆ่าแมลงผสมสารป้องกันกำจัดโรคหรือสารกำจัดวัชพืชเพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพของสารฆ่าแมลงลดลง
• ไม่ใช้สารกลุ่มไพรีทรอยด์สังเคราะห์ เช่น ไซเพอร์เมทริน ไซฮาโลทริน เดลต้าเมทริน
• ถ้าปฏิบัติได้ เมื่อมีโรคระบาดรุนแรงควรงดการปลูกข้าว 1-2 ฤดู เพื่อตัดวงจรชีวิตแมลงพาหะ

โรคข้าวที่มีสาเหตุเกิดจากเชื้อไฟโตพลาสมา

โรคใบสีแสดในข้าว (Orange Leaf Disease)

โรคใบสีแสดในข้าว สาเหตุ อาการ วิธีป้องกันกำจัด
สาเหตุ : เกิดจากเชื้อไฟโตพลาสมา (Phytoplasma)
พบมาก ในนาชลประทาน ภาคกลาง

อาการโรคใบสีแสดในข้าว

ต้นข้าวเป็นโรคใบสีแสดได้ในระยะแตกกอ ตั้งท้อง ต้นข้าวที่เป็นโรคนี้ ใบแสดงอาการสีแสดจากปลายใบที่ใบล่าง และเป็นสีแสดทั่วทั้งใบยกเว้นเส้นกลางใบ ใบที่เป็นโรคทั้งใบจะม้วนจากขอบใบทั้งสองข้างเข้ามาหาเส้นกลางใบ ทำให้ใบแห้งในที่สุดต้นข้าวแตกกอได้น้อยแต่ต้นข้าวสูงตามปกติ ไม่มีอาการเตี้ยและตายอย่างรวดเร็ว โรคใบสีแสดนี้เกิดเป็นกอๆ ไม่แพร่กระจายเป็นบริเวณกว้างเหมือนโรคใบสีส้ม
โรคใบสีแสดใบมีสีแสดจากปลายใบที่ใบล่าง
ลักษณะอาการโรคใบสีแสด

การแพร่ระบาดโรคใบสีแสดในข้าว

มีเพลี้ยจักจั่นปีกลายหยักเป็นแมลงพาหะ ซึ่งสามารถอาศัยอยู่ตามต้นข้าวและหญ้าชนิดต่างๆ

การป้องกันกำจัดโรคใบสีแสดในข้าว

• กำจัดวัชพืชและพืชอาศัยของเชื้อไวรัส และแมลงพาหะนำโรค
• ใช้สารป้องกันกำจัดแมลงพาหะ ได้แก่ สารฆ่าแมลงในระยะที่แมลงยังเป็นตัวอ่อน เช่น ไดโนทีฟูแรน หรือ บูโพรเฟซิน หรือ อีโทเฟนพรอกซ์ ไม่ควรใช้สารฆ่าแมลงผสมกันหลายๆ ชนิด หรือใช้สารฆ่าแมลงผสมสารป้องกันกำจัดโรคหรือกำจัดวัชพืชเพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพของสารฆ่าแมลงลดลง
• ไม่ใช้สารกลุ่มไพรีทรอยด์สังเคราะห์ เช่น ไซเพอร์เมทริน ไซฮาโลทริน เดลต้าเมทริน

โรคเหลืองเตี้ยในข้าว (Yellow Dwarf Disease)

โรคเหลืองเตี้ยในข้าว สาเหตุ อาการ วิธีป้องกันกำจัด
สาเหตุ : เกิดจากเชื้อไฟโตพลาสมา (Phytoplasma)
พบมาก ในนาน้ำฝน ภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

อาการโรคเหลืองเตี้ยในข้าว

โรคเหลืองเตี้ยพบในระยะข้าวแตกกอ หรือ ระยะออกรวง ใบที่ออกใหม่มีอาการเหลืองซีด ต้นเตี้ย แตกกอมากเป็นพุ่มแจ้ ต้นเป็นโรคอาจตายหรือไม่ออกรวง ถ้าต้นข้าวเป็นโรคในช่วงหลังจะไม่แสดงอาการก่อนเก็บเกี่ยว แต่เมื่อเก็บเกี่ยวข้าวแล้วลูกข้าวจะแสดงอาการชัดเจน
ลักษณะอาการโรคเหลืองเตี้ยในข้าวใบใหม่มีอาการเหลืองซีดต้นเตี้ย
ลักษณะอาการโรคเหลืองเตี้ย
พาหะโรคเหลืองเตี้ยในข้าวคือเพลี้ยจักจั่นสีเขียว
พาหะโรคเหลืองเตี้ยเพลี้ยจักจั่นสีเขียว

การแพร่ระบาดโรคเหลืองเตี้ยในข้าว

มีเพลี้ยจักจั่นสีเขียวเป็นแมลงพาหะ

การป้องกันกำจัดโรคเหลืองเตี้ยในข้าว

• กำจัดหรือทำลายเชื้อไวรัส โดยการไถกลบหรือเผาตอซังในนาที่มีโรค กำจัดวัชพืช โดยเฉพาะวัชพืชใกล้แหล่งน้ำที่เป็นที่อยู่อาศัยและขยายพันธุ์ของแมลงพาหะ
• ใช้พันธุ์ข้าวต้านทานแมลงเพลี้ยจักจั่นสีเขียวที่ทางราชการแนะนำ เช่น กข1 กข3 ซึ่งมีคุณสมบัติต้านทานการดูดกินของเพลี้ยจักจั่นสีเขียวได้ดีพอสมควร แต่ไม่ควรปลูกข้าวพันธุ์ดังกล่าวติดต่อกันเป็นแปลงใหญ่ เนื่องจากแมลงสามารถปรับตัวเข้าทำลายพันธุ์ข้าวที่ต้านทานได้
• ใช้สารป้องกันกำจัดแมลงพาหะ ได้แก่ ใช้สารฆ่าแมลงที่แมลงยังเป็นตัวอ่อน เช่น ไดโนทีฟูเรน หรือ บูโพรเฟซิน หรือ อีโทเฟนพรอกซ์ ไม่ควรใช้สารฆ่าแมลงผสมกันหลายๆ ชนิด หรือใช้สารฆ่าแมลงผสมสารป้องกันกำจัดโรคหรือสารกำจัดวัชพืชเพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพของสารฆ่าแมลงลดลง
• ไม้ใช้สารกลุ่มไพรีทรอยด์สังเคราะห์ เช่น ไซเพอร์เมทริน ไซฮาโลทริน เดลต้าเมทริน

โรคข้าวที่มีสาเหตุเกิดจากไส้เดือนฝอย

โรครากปมในข้าว (Root-knot Disease)

โรครากปมในข้าว สาเหตุ อาการ วิธีป้องกันกำจัด
สาเหตุ : เกิดจากไส้เดือนฝอย Meloidogyne graminicola Golden and Birchfield
พบมาก ในนาน้ำฝนที่ดอน ภาคเหนือ และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

อาการโรครากปมในข้าว

โรครากปมมักเกิดกับแปลงกล้าซึ่งปล่อยน้ำแห้ง เมื่อไส้เดือนฝอยตัวอ่อนระยะที่ 2 ฝังหัวเข้าไปที่ปลายรากอ่อนแล้วจะปล่อยสารออกมากระตุ้นให้เนื้อเยื่อบริเวณผิวหนังนั้นแบ่งตัวเร็วขึ้น และมากกว่าปกติ ทำให้เกิดรากพองขึ้นเป็นปม ในปมที่เกิดขึ้นจะมีเซลล์ขนาดใหญ่เกิดขึ้น อันเนื่องมาจากไส้เดือนฝอยปล่อยน้ำย่อยไปย่อยผนังเซลล์หลายเซลล์ทำให้เกิดเซลล์ใหม่ขนาดใหญ่ขึ้นมา และจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากเซลล์นี้ เมื่อปลายรากเกิดปมขึ้นแล้วรากนั้นจะไม่เจริญอีกต่อไป ถ้ามีปมน้อยอาการไม่ปรากฏที่ใบถ้ามีปมมากก็จะทำให้ต้นข้าวแคระแกรนและใบมีสีเหลืองได้
ลักษณะอาการโรครากปมรากพองขึ้นเป็นปม
ลักษณะอาการโรครากปม
พาหะโรครากปมในข้าวคือไส้เดือนฝอย
พาหะโรครากปมไส้เดือนฝอย

การแพร่ระบาดโรครากปมในข้าว

ระบาดทาง ดิน น้ำ และเศษซากพืช พืชอาศัยของไส้เดือนฝอยนี้มีมากมายหลายประเภท เช่น พวกวัชพืช พืชตระกูลหญ้า วัชพืชใบกว้าง และวัชพืชน้ำ

การป้องกันกำจัดโรครากปมในข้าว

• ขังน้ำท่วมในแปลงนานานกว่า 30 วัน หรือไถตากดินให้แห้ง
• ปลูกพืชอื่นที่ไม่ใช่พืชอาศัยหมุนเวียน เช่น ดาวเรือง ตะไคร้ เพื่อลดจำนวนไส้เดือนฝอยในดิน

โรคข้าวที่มีสาเหตุเกิดจากสิ่งไม่มีชีวิต

โรคเมาตอซังในข้าว (Root-knot Disease)

โรคเมาตอซังในข้าว สาเหตุ อาการ วิธีป้องกันกำจัด
สาเหตุ : เกิดจากการสะสมของก๊าซ H2s ในดิน
พบมาก ในนาชลประทาน เขตภาคกลาง

อาการโรคเมาตอซังในข้าว

โรคเมาตอซังเริ่มพบอาการเมื่อข้าวอายุประมาณ 1 เดือน หรือ ระยะแตกกอ ต้นข้าวจะแสดงอาการคล้ายขาดธาตุไนโตรเจน ต้นแคระแกรน ใบขีดเหลืองจากใบล่างๆ มีอาการโรคใบจุดสีน้ำตาลจะพบในขณะที่ขบวนการเน่าสลายของเศษซากพืชในนายังไม่สมบูรณ์ ทำให้เกิดสารพิษเป็นสารซัลไฟด์ไปทำลายรากข้าวเกิดอาการรากเน่าดำ รากจึงไม่สามารถดูดธาตุอาหารจากในดินได้ ต้นข้าวจึงแสดงอาการขาดธาตุอาหาร ในขณะเดียวกันมักจะพบต้นข้าวสร้างรากขึ้นใหม่ในระดับเหนือผิวดิน ซึ่งต้นเหตุของปัญหาเกิดจากเกษตรกรทำนาอย่างต่อเนื่อง ไม่มีการพักนาและเกิดการหมักของตอซังระหว่างข้าวแตกกอ
ลักษณะโรคเมาตอซังต้นแคระแกรนใบเหลือง
ลักษณะโรคเมาตอซังต้นแคระแกรนใบเหลือง
อาการโรคเมาตอซังจะสร้างรากใหม่เหนือผิวดิน
อาการโรคเมาตอซังสร้างรากใหม่เหนือผิวดิน

การแพร่ระบาดโรคเมาตอซังในข้าว

เนื่องจากเป็นโรคที่ไม่มีเชื้อสาเหตุ จึงไม่มีการระบาดติดต่อกัน

การป้องกันกำจัดโรคเมาตอซังในข้าว

• ระบายน้ำเสียในแปลงนาออก ทิ้งให้ดินแห้งประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อให้รากข้าวได้รับอากาศ หลังจากนั้นจึงนำน้ำใหม่เข้าและหว่านปุ๋ย
• หลังเก็บเกี่ยวข้าว ควรทิ้งระยะพักดินประมาณ 1 เดือน ไถพรวนแล้วควรทิ้งระยะให้ตอซังเกิดการหมักสลายตัวอย่างสมบูรณ์อย่างน้อย 2 สัปดาห์
• ไม่ควรให้ระดับน้ำในนาข้าวสูงมากเกินไปและมีการไหลเวียนของน้ำอยู่เสมอ
ตอน  1  2  3 
ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
โรงงานพลาสติก L.A PLastic
129/20 หมู่4 ซ.เพชรเกษม99 แยก 5
ต.อ้อมน้อย อ. กระทุ่มแบน
จ.สมุทรสาคร 74130 ประเทศไทย

TEL: 081-903-4147

Email: la2plastic@gmail.com
line qr come ติดต่อโรงงานผลิตพลาสติก
LINE ID: @laplastic
Copyright © 2008 by "L.A PLASTIC"  •  All Rights reserved www.laplastic.biz Tel: 081-9034147