4 ขั้นตอนการปลูกต้นไม้ในกระถางง่ายๆ ให้ต้นไม้เจริญสวยงามเพื่อตกแต่งบ้าน

ปัจจุบันกระแสความนิยมการปลูกต้นไม้ในกระถางเพิ่มขึ้นจำนวนมากไม่ใช่แค่คนวัยทำงานเท่านั้น แต่ยังเป็นเทรนด์ใหม่ของคนหนุ่มสาย วัยรุ่น ที่หันมาให้ความสนใจในการปลูกต้นไม้ในกระถาง นับว่าเป็นโอกาสทองของอาชีพเกษตรกรซึ่งเป็นผู้ผลิตและแม่ค่าขายต้นไม้ เพราช่วยทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นแม้ในยุคที่หลายๆ คนมองว่าเกษตรกิจซบเซา
ปัจจุบันกระแสความนิยมการปลูกต้นไม้ในกระถางเพิ่มขึ้นจำนวนมากไม่ใช่แค่คนวัยทำงานเท่านั้น แต่ยังเป็นเทรนด์ใหม่ของคนหนุ่มสาย วัยรุ่น ที่หันมาให้ความสนใจในการปลูกต้นไม้ในกระถาง นับว่าเป็นโอกาสทองของอาชีพเกษตรกรซึ่งเป็นผู้ผลิตและแม่ค่าขายต้นไม้ เพราช่วยทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นแม้ในยุคที่หลายๆ คนมองว่าเกษตรกิจซบเซา
วันนี้เราจะมาให้คำแนะนำ การปลูกต้นไม้ในกระถาง การดูแล การจัดวางตามห้องต่างๆ
จุดประสงค์ส่วนใหญ่เพื่อใช้เป็นไม้ประดับ ตกแต่งอาคารสถานที่ที่มีพื้นที่จำกัด และ สามารถเคลื่อนย้ายไปประดับในสถานที่ต่างๆ ได้ง่าย สะดวกในการดูแลรักษา และโยกย้ายสับเปลี่ยนพรรณไม้ได้ตามความพอใจ
ในปัจจุบันไม้ประดับกระถางเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะเมืองใหญ่ ที่มีพื้นที่ราคาแพง จำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากพื้นที่ให้คุ้มค่าที่สุด จึงต้องสร้างแวดล้อมให้มีชีวิตด้วยการใบ้ไม้ประดับกระถางแทนสภาพอื่นที่ขาดหายไป

เทคนิคปลูกต้นไม้ในกระถาง

การปลูกต้นไม้ในกระถางเราต้องคำนึงถึง คือ ขนาดของต้นไม้และกระถางควรให้เหมาะสมกัน ถ้าต้นไม้ยังเล็กอยู่ก็ใช้กระถางขนาดเล็กไปก่อน พอต้นไม้โตพอที่จะเปลี่ยนกระถางตามขนาดของต้นไม้ เนื่องจากการปลูกไม้กระถางเป็นไม้ประดับนั้นต้องการความสวยงามเป็นหลักอยู่แล้ว
ถ้าปลูกเพื่อให้ไม้ในกระถางเป็นไม้โตเร็ว ควรปลูกต้นไม้ต้นเดียวในหนึ่งกระถาง หรือถ้าต้นไม้เป็นทรงพุ่มแตกกิ่งก้านแผ่มากก็ควรปลูกต้นเดียวในหนึ่งกระถางเช่นเดียวกัน ส่วนต้นไม้ที่แตกกิ่งก้านน้อยทรงสูงแต่ต้องการให้เป็นพุ่มเพื่อความสวยงามก็ควรปลูกลงหลายต้นในหนึ่งกระถาง จำนวนต้นแล้วแต่ความเหมาะสมระกว่างต้นไม้กับขนาดของการะถาง ถ้าต้นไม้เป็นไม้ทรงสูงมีลำต้นเดียวตั้งตรงแล้วแตกพุ่มตอนบนก็ควรปลูกลงต้นเดียวในหนึ่งกระถาง
การที่เราจะนำพรรณไม้ชนิดต่างๆ เข้ามาปลูกเราจะต้องไม่ลืมว่า พรรณไม้เหล่านั้นเคยอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติอีกแบบหนึ่ง ย่อมก่อให้เกิดปัญหาในการเลี้ยงดู ดังนั้นผู้ที่คิดจะปลูกพรรณไม้ไว้เป็นไม้ประดับจะต้องมีความเข้าใจในเรื่องต่างๆ ให้ลึกซึ้ง

ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช

แสงสว่าง เป็นปัจจัยที่สำคัญของพืช เพราะเป็นแหล่งพลังงานที่พืชนำไปใช้ในขบวนการสังเคราะห์แสง เพื่อให้การดำรงชีวิตเป็นไปอย่างปกติ ด้วยเหตุนี้เอง พืชจึงพยายามปรับคลอโรฟิลล์ ให้มีปริมาณมากน้อยตามสภาพของแสงสว่างที่พืชได้รับ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ รูปทรงของพืชและสีของใบ เช่น ต้นไทรที่ปลูกกลางแจ้งใบจะดกมีสีเขียว และมีทรงพุ่มแน่น แต่ถ้าย้ายเข้ามาปลูกอยู่ในร่ม ซึ่งมีแสงน้อย ใบก็เบาบางลงผิดกับตอนที่ปลูกกลางแจ้ง
- พืชที่มีใบสีเขียวสดเข้ม จะสามารถสังเคราะห์แสงได้เป็นปริมาณมากๆ เพราะมีคลอโรฟิลล์ อยู่หนาแน่น และสามารถเก็บอาหารสะสมไว้ได้นาน เมื่อถึงเวลาจำเป็นมันจะคายพลังงาน ที่เก็บสะสมไว้ออกมาทีละนิด ด้วยเหตุนี้เองพืชใบเขียว จึงสามารถทนอยู่ในที่มืดได้เป็นเวลานานหลายวัน
- พืชที่มีใบหลากสี พืชพวกนี้จะปลดปล่อยพลังงานที่สะสมเอาไว้ออกมาได้เร็วมาก มันจึงต้องการแสงสว่างเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างน้ำตาลขึ้นมาใช้ให้เพียงพอ พืชจำพวกนี้จึงไม่ควรปลูกไว้ในที่อับแสง หรือแสงน้อย
อุณหภูมิ ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญอีกอันหนึ่ง ที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช ถึงแม้ว่าจะเป็นปัจจัยส่งผลต่อการเจริญเติบโตของพืชโดยทางอ้อมก็ตาม
น้ำและความชื้น พืชทุกชนิดที่มีอยู่ในโลกนี้ จะต้องใช้น้ำเป็นปัจจัยในการดำรงชีวิตทั้งสิ้น เพราะน้ำเป็นวัตถุดิบที่สำคัญ ที่พืชใช้ในขบวนการสังเคราะห์แสง และยังเป็นตัวลำเลียงแร่ธาตุต่างๆ เข้าสู่พืชอีกด้วย ส่วนความชื้น ก็เป็นปัจจัยทางอ้อมที่มีผลต่อความต้องการน้ำของพืช กล่าวคือ ถ้าความชื้นในอากาศมีมากการคายน้ำของพืชก็จะลดลง พืชก็จะคงความสดชื่นอยู่ได้นาน แต่ถ้าความชื้นในอากาศลดลง พืชก็จะคายน้ำมาก ดังนั้น จึงต้องการน้ำมาชดเชยกับน้ำที่สูญเสียไป
อากาศ ไม่ใช้แต่ใบของพืชเท่านั้นที่ต้องการออกซิเจนในอากาศ รากของพืชก็ต้องการเช่นกันเพราะฉะนั้นจึงต้องมีการเตรียมวัสดุที่จะใช้ในการปลูกพืชให้ดีเสียก่อน โดยการผสมเศษใบไม้ผุๆ ลงไปด้วยเพื่อให้เม็ดดินมีช่องว่าง และอากาศหมุนเวียนได้ดี
แร่ธาตุ เป็นตัวเสริมความเจริญด้านต่างๆ ของพืช ถ้าหากขาดแร่ธาตุแล้วการเจริญเติบโตของพืชก็จะหยุดชะงักลง ความต้องการแร่ธาตุของพืชนั้นจะแปรผันไปตามฤดูกาล ชนิด และอายุของพืช ถึงแม้ว่าการขาดแร่ธาตุจะทำให้ชะงักหรือหยุดการเจริญเติบโต แต่หากกว่าพืชได้รับธาตุ ในปริมาณที่มากเกินกว่าความต้องการแล้วก็อาจก่อให้เกิดอันตรายได้
ดิน การแผ่รากลงไปในดินมีความสำคัญต่อการดำลงชีวิตของพืชมากเพราะพืชจะรับน้ำ อากาศ และแร่ธาตุจากดินโดยผ่านทางราก และการที่พืชจะเจริญเติบโตได้ดีหรือไม่ จึงขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของดิน และแร่ธาตุต่างๆ

ขั้นตอนและวิธีการปลูกต้นไม้ในกระถาง

ขั้นตอนและวิธีการปลูกต้นไม้ในกระถาง
1. เอาเศษอิฐ หรือเศษกระถางแตกอุดที่รูระบายน้ำที่ก้นกระถางเสียก่อน ถ้าจะให้ดีต้องโรยทับด้วยกรวดกรวดอิฐมอญทุบ หรือถ่านอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ เพื่อให้ก้นกระถางโปร่ง และระบายน้ำได้ดี
2. จากนั้นเอาดินหรือเครื่องปลูกที่เตรียมไว้ใส่กระถาง และทำมูลดินเป็นยอดแหลมเท่ากับความลึกของดินที่ปลูก
3. หากต้นไม้ที่นำมาลงกระถาง มีรากมากเกินไปควรตัดรากเก่าออกบ้าง เพื่อกระตุ้นให้มีการสร้างระบบรากใหม่ที่แข็งแรง และแตกแขนงได้มากขึ้น
4. วางตุ้มรากต้นไม้ลงในกระถาง จัดระบบรากให้แผ่ออกรอบด้าน เติบดินรอบๆ โคนต้นเพียงเล็กน้อยก่อนแล้วกดดินบริเวณรอบๆ โคนต้นเบาๆ เป็นการไล่โพรงอากาศ และเพื่อให้ดินสัมผัสรากพืชได้กระชับขึ้น
5. เติบดินและกดเบาๆ จนเกือบเต็มกระถาง ให้ระดับดินอยู่ต่ำกว่าขอลกระถางพอประมาณ อย่าเติมดินจนเต็มหรือพูนกระถางจนเกินไป เพราะเวลารดน้ำจะทำให้น้ำไหลออกนอกกระถางแทนที่จะซึมลงกระถาง

1. การเลือกดินสำหรับปลูกไม้กระถาง

วิธีเลือกดินและส่วนผสมดินสำหรับปลูกไม้กระถาง
ในธรรมชาตินั้น ต้นไม้เจริญเติบโตหรือขึ้นได้ในพื้นที่ที่มีความเหมาะสมของพรรณพืชแต่ละชนิด แต่การปลูกเลี้ยงไม้กระถาง เป็นการกำหนดให้ต้นไม้ต้องอยู่ในที่ที่จำกัดในภาชนะปลูก ดินหรือเครื่องปลูกจึงมีความจำเป็นต้องมีคุณสมบัติในการยึดลำต้น การอุ้มน้ำ การถ่ายเทอากาศ และง่ายในการที่รากจะไชชอนได้สะดวก การปลูกพืชในกระถาง รากพืชจะถูกจำกัดขอบเขตอยู่เฉพาะภายในกระถางเท่านั้น
ดังนั้นเพื่อให้พืชเจริญเติบโตตามความประสงค์ของผู้ปลูกเลี้ยง ดินหรือวัสดุปลูกควรมีความอุดมสมบูรณ์ มีคุณภาพดี ซึ่งคุณสมบัติโดยทั่วไปดังนี้
1. ดินรวนโปร่ง น้ำหนักเบา ระบายน้ำได้ดี ถ่ายเทอากาศได้ทั่วถึง ดูดซับน้ำได้ดี
2. มีธาตุอาหาร หรือปุ๋ยที่พืชต้องการอย่างสมบูรณ์ไม่มีความเป็นกรด เป็นด่างมากเกินไป
3. มีความแน่นพอที่จะยึดให้ลำต้นทรงตัวอยู่ได้
4. ไม่มีสารเคมีที่เป็นพิษต่อรากพืช
5. ดิน จะต้องเป็นดินร่วนก้อนเล็กๆ แต่ถ้าเป็นดินเหนียวจะต้องทำให้ร่วนเสียก่อนโดยผสมปูนขาว 1 กก. ต่อดิน 1 ล.บ.ม. แล้วปล่อยตากแดดตากฝน เอาไว้สัก 3-5 อาทิตย์ เมื่อดินแห้งมันก็จะร่วนเป็นก่อนเล็กๆ เอง
6. ปุ๋ยอินทรีย์ อันได้แก่ ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยเทศบาล ซึ่งจะต้องนำมาทุบให้ละเดียดเสียก่อน
7. อินทรีย์วัตถุ ที่ใช้คือ เศษใบไม้แห้ง ขี้เลื่อยเก่าๆ หรือแกลบๆ ที่ผุๆ พังๆ แล้ว

ส่วนผสมดินปลูกไม้กระถาง

ส่วนผสมดินปลูกต้นไม้อาจแตกต่างกันตามประเภทและชนิดของต้นไม้ที่จะมีความต้องการแร่ธาตุที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นวิธีการเตรียมดิน จึงมีสูตรเฉพาะแตกต่างกันออกไปหลายสูตร
สูตรดินสำหรับปลูกปลูกแคคตัสและพืชอวบน้ำ
เช่น กุหลาบหิน โคมญี่ปุ่น พืชเหล่านี้ไม่ต้องการดินที่มีอาหารสมบูรณ์มากนัก แต่ต้องการดินที่ร่วนโปร่ง การระบายน้ำได้ดี และอุ้มน้ำได้พอสมควรส่วนผสมดินมีดังนี้
ดินร่วน (ผึ่งแดด 7 วัน )
2 ส่วน
ทรายหยาบ
3 ส่วน
ถ่านป่น
1 ส่วน
ใบก้านปูผุๆ
1 ส่วน
ปูนขาว
เล็กน้อย
สูตรดินสำหรับปลูกเบญจมาศ โกสน ปาล์ม
ดินร่วน
4 ส่วน
ทรายหยาบ
2 ส่วน
ปุ๋ยคอก
1-2 ส่วน
ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยเทศบาล
2 ส่วน
กระดูกป่นเล็กน้อย
เล็กน้อย
ดินสำหรับปลูกต้นไม้ทั่วไป
ดินร่วน
1 ส่วน
ใบไม้ผุ
1 ส่วน
ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยเทศบาล
1 ส่วน

2. การรดน้ำพืชในกระถาง

ขั้นตอนและวิธีการรดน้ำต้นไม้ในกระถางให้ถูกวิธี
ปกติการให้น้ำต้นไม้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะการให้น้ำมากเกินไป น้อยเกินไป หรือให้น้ำไม่ถูกวิธีสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของพืชเหมือนกัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับ ชนิดของพรรณพืช สภาพของดิน หรือ เครื่องปลูก สภาพแวดล้อม เช่น ในร่ม กลางแจ้ง มีลมพัดผ่านหรือไม่ อุณหภูมิ และฤดูกาล เป็นต้น
ถ้าพืชได้รับน้ำน้อยเกินไปจะทำให้ใบเหี่ยว เนื่องจากน้ำในดินมีไม่พอให้รากดูดไปเลี้ยงลำต้น ช่วงเวลาใกล้เที่ยงถึงบ่าย 3 โมงเย็น เป็นช่วงที่อากาศร้อนจัดพืชจะคลายน้ำมาก เมื่อคายน้ำแล้วรากต้องดูดน้ำมาชดเชยให้กับใบที่เสียน้ำไปกับอากาศ ถ้าชดเขยไม่ทันจะทำให้ใบเหี่ยว
ถ้าให้น้ำมากจนเต็มช่องว่างทั้งหมดของดิน และไล่อากาศออกทำให้ดินอิ่มตัวจนเกิดน้ำขัง ก็จะไม่เหมาะกับการเจริญเติบโตของพืช เพราะจะทำให้พืชขาดออกซิเจน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการหายใจของราก เราเรียกความชื้นในดินระดับนี้ว่าระดับ Superfluous ถ้าดินมีน้ำขังเพียง 2-3 วัน พืชจะมีอาการเหี่ยวทั้งๆ ที่ไม่ขาดน้ำ พืชบางชนิดอาจตายได้ แต่ในทางกลับกันถ้าพืชได้รับน้ำน้อยเกินไปต้นก็เหี่ยวเหมือนกัน

ขั้นตอนและวิธีการให้น้ำไม้กระถาง

1. ควรรดน้ำที่โคนต้น อย่าใช้วิธีฉีดที่ใบ เพราะจะทำให้พุ่มและใบกระจายล้มลงได้ และทำให้น้ำกระจายออกนอกกระถาง ทำให้น้ำไม่ถึงระดับราก
2. ถ้าดินแห้งหดตัวหนีขอบกระถาง ทำให้น้ำไหลงรูที่ก้นกระถางหมด และไม่ชุ่มถึงระดับราก ควรพรวนดินให้ฟูก่อนแล้วค่อยรดน้ำให้ชุ่ม
3. ควรใช้น้ำที่ไม่แรง รดช้าๆ จนชุ่ม ไม่ควรฉีดน้ำแรงมาก เพราะจะทำให้น้ำชะหน้าดินออกจากกระถางทำให้รากลอยและแห้งได้
4. การลดน้ำที่ดีควรรดน้ำแล้วปล่อยให้ใบแห้งก่อนค่ำ เพื่อป้องกันการเกิดโรคในขณะที่ใบพืชชื้น ควรพิจารณาตามฤดูกาล และความชื้นของดิน
5. ไม้กระถางในร่ม ต้องการแสงน้อย เนื่องจากการคายน้ำ การหายใจ การดูดธาตุอาหาร น้อยกว่าไม้กลางแจ้ง การให้น้ำต้องสังเกตความต้องการน้ำของพืชด้วย เช่น สัมผัสดินปลูก ความสดใสของใบ ในขณะที่อากาศแห้ง ถ้าอากาศชื้นและเย็น ควรให้น้ำวันเว้นวัน หรือสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
6. ไม้กระถางที่มีใบใหญ่ จำนวนใบมาก ใบและต้นมีลักษณะอวบน้ำ จะต้องการน้ำมากกว่าไม้เล็กใบเล็กหรือจำนวนใบน้อย ความต้องการน้ำแตกต่างกันตามชนิดของพรรณไม้ ไม้กระถางอายุยืน พุ่มใหญ่ ระบบรากสมบูรณ์ จะต้องการน้ำมากกว่าไม้กระถางขนาดเล็ก อายุน้อย หรือระบบรากยังไม่เจริญเต็มที่ และความชื้นของดินมีผลมาจากส่วนผสมของอินทรีวัตถุ ปุ๋ยคอกและวัสดุอื่นเช่น อิฐ มอญทุบ ทราย จะอุ้มน้ำได้ดีกว่าดินร่วนธรรมดา ดินเหนียวระบายน้ำและอากาศได้ไม่ดี ดินแน่นแข็งตัวง่ายทำให้ระบบรากเจริญเติบโตไม่ดีเท่าที่ควร
7. ชนิดของกระถางมีส่วนสำคัญในการให้น้ำด้วยเช่นกัน กระทางดินเผามีรูพรุนทำให้การระเหยน้ำง่ายทำให้เครื่องปลูกแห้งเร็วกว่ากระถางพลาสติก แก้ว หรือโลหะดังนั้นไม้ที่ปลูกในกระถางดินเผาจึงควรให้น้ำบ่อย

3. การให้ปุ๋ยไม้กระถาง

วิธีการให้ปุ๋ยและชนิดปุ๋ยสำหรับต้นไม้ในกระถาง
ไม้ดอกไม้ประดับประเภทไม้กระถางที่นำมาปลูกลงในกระถางทั้งแบบตั้งและแบบแขวน มีการจำกัดของระบบรากและวัสดุปลูกจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ปุ๋ยบ่อยๆ ปุ๋ยก็คืออาหารพืช การให้ปุ่ยก็เหมือนกับอาหารที่คนเรากินเข้าไปเพื่อให้ร่างกายเจริญเติบโตและแข็งแรงอยู่เสอมนั่นเอง สำหรับต้นไม้ที่จะให้ปุ๋ยนั้นควรเป็นต้นไม้ที่เจริญเติบโตแล้ว
ปุ๋ยที่ให้แก่พืชพวกไม้ดอกไม้ประดับ ประกอบด้วยปุ๋ย 2 ประเภทใหญ่ๆ
ปุ๋ยอินทรีย์ เป็นปุ๋ยที่ใช้ได้ดีในการปลูกไม้กระถางที่ตั้งในบ้าน แต่ปุ๋ยอินทรีย์เป็นปุ๋ยที่ค่อยๆ ปล่อยธาตุอาหารออกมาอย่างช้าๆ และต้องใช้เป็นจำนวนมาก บางอย่างมีกลิ่นด้วย ปุ๋ยอินทรีย์ที่ใช้อยู่ทั่วไป เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสด และ ปุ๋ย กทม.
ปุ๋ยเคมี มีหลายชนิดหรือหลายแบบให้เลือกขายอยู่ตามท้องตลาดทั่วไป เช่น แบบเม็ด แบบผง แบบแป้ง แบบเป็นเกร็ดหรือผนึก (ชนิดนี้ก่อนใช้ผสมกับน้ำทำให้เหลวก่อน) แบบเป็นน้ำข้น (ชนิดนี้ก่อนใช้ผสมน้ำให้เจือจางเสียก่อน) และ แบบเป็นแท่ง เป็นต้น ส่วนมากนิยมใช้ผสมกับน้ำให้ละลายแล้วลดน้ำต้นไม้ เพราะว่ารากต้นไม้สามารถดูดซับได้อย่างรวดเร็วกว่าและสะดวกในการใช้มากกว่า

4. การเลือกกระถางสำหรับปลูกต้นไม้

วิธีเลือกกระถางต้นไม้ให้เหมาะสมกับสถานที่

กระถางดินเผา

ข้อดี หาง่าย ราคาไม่แพงมาก ลักษณะกระถางมีรูพรุนซึ่งช่วงระบายอากาศถ่ายเทความชื้นของดินและเครื่องปลูกได้ดี ทำให้รากพืชได้รับออกซิเจนเพียงพอ และเจริญเติบโตได้ดีทำให้อุณหภูมิของเครื่องปลูกไม่สูงเกินไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูร้อน สามารถทำลายและกำจัดศัตรูพืชได้ง่ายโดยการต้ม อบไอน้ำ หรือรมด้วยสารเคมีโดยไม่เสียรูปทรง
ข้อเสีย มีน้ำหนักมากและราคาแพงเมื่อเทียบกับกระถางพลาสติก แตกง่าย เมื่อใช้ไปนานๆ แล้วจะมีตะไคร่น้ำขึ้นรอบกระถาง ทำให้ดูสกปรก และล้างทำความสะอาดยากกว่ากระถางพลาสติก

การะถางพลาสติก

ข้อดี ราคาถูก น้ำหนักเบา ทำความสะอาดง่าย ไม่มีปัญหาเรื่องตะไคร่น้ำ เก็บความชื้นได้ดีกว่ากระถางดินเผา ทำให้เครื่องปลูกแห้งช้า ทำให้ไม่ต้องรดน้ำบ่อยนัก
ข้อเสีย เนื่องจากลักษณะของกระถางทึบไม่มีรูพรุนทำให้อากาศไม่สะดวกถ้ารดน้ำมากจะทำให้น้ำขังแฉะอาจจะทำให้รากพืชเน่าตายได้ อุณหภูมิของเครื่องปลูกสูงมากในฤดูร้อนโดยเฉพาะกระถางพลาสติกสีดำ

กระถางเคลือบเซรามิก

เป็นกระถางที่ทำจากดินเหนียว เช่นเดียวกับกระถางดินเผา แต่มีการเคลือบผิวอีกชั้น เพื่อเพิ่มความสวยงามคงทนมีรูปทรงต่างๆให้เลือกใช้มากมาย
ข้อดี ผิวด้านนอกเป็นมันลื่น เนื่องจากการเคลือบผิวจึงไม่มีขี้เกลือและตะไคร่น้ำเกาะ ทำความสะอาดง่าย ทำให้ดูสะอาดอยู่เสมอมีทั้งแบบสีพื้นและลวดลายสวยงาม
ข้อเสีย ส่วนใหญ่มีราคาแพงกว่ากระทางทั่วไปถ้าเทียบขนาดที่เท่ากัน มีน้ำหนักค่อนข้างมากและแตกหักเสียหายได้ง่าย การเคลือบผิวกระทางทำให้ไม่มีช่องระบายน้ำและอากาศ ความชื้นของวัสดุปลูกด้านบนและด้านล่างต่างกันมากเนื่องจากการระบายน้ำได้เฉพาะทางรูใต้กระถางเท่านั้นบางครั้งผิวดินด้านบนแห้งมาก

กระถางปูนเปลือย

เป็นกระถางที่กำลังได้รับความนิยมสูงในขณะนี้ ทำมาจากปูน ผสมทราย หินเกล็ด อัตราส่วนแล้วแต่ส่วนผสมแต่ละโรงงานผลิตกระถางต้นไม้ บางแห่งเพิ่มความแข็งแรงทนทานโดยใส่ตะแกรงลวดไว้ด้านใน และแบบของกระถางเน้น เก๋ เรียบง่าย หรือหล่อลวดลายสไตล์โมเดิร์น
ข้อดี สวย ทนแดด ทนฝน มีดีไซน์รูปแบบต่างๆ ให้เลือกซื้อมากมาย เพื่อให้เข้ากับ สวน หรือบ้านสไตล์ต่างๆ จึงสามารถจัดวางกระถางให้เข้ากับสถานที่ต่างๆ ได้ง่าย
ข้อเสีย มีน้ำหนักมาก เคลื่อนย้ายลำบากหากเป็นกระถางขนาดใหญ่ และเมื่อใช้ไปนานๆ สีอาจเปลี่ยนเป็นสีเทาดำ หรือขึ้นตะไคร่

กระถางที่ทำจากวัสดุอื่น

เช่น กระทางไม้ กระถางลายคราม หรือกระถางที่ Diy ขึ้นมาเอง หรือ อาจใช้เป็น ตะกร้าพลาสติก เข่งพลาสติก ลังพลาสติก กระบะเพาะกล้าพลาสติก ถุงพลาสติก กระถางแต่ระชนิดดังกล่าวมีลักษณะต่างกัน จุดประสงค์เพื่อให้เกิดความสวยงามเวลานำไปตั้งหรือแขวนประดับในสถานที่ต่างๆ

พืชพรรณที่นิยมปลูกในกระถาง มีอะไรบ้าง

พรรณไม้ที่ใช้เป็นไม้กระถางได้ดีส่วนใหญ่เป็นพรรณไม้ที่ไม่มีรากแก้ว นอกจากจะนำมาตัดรากแก้วออกทำเป็นไม้แคระ การแบ่งกลุ่มของไม้กระถางอย่างกว้างๆ ตามลักษณะความต้องการแสงของต้นไม้ได้ ดังนี้
พรรณไม้กระถางในร่ม (Indoor Plants)
พรรณไม้ในร่มที่นิยมปลูกในกระถาง
เป็นพรรณไม้ที่นิยมปลูกประดับในสถานที่ร่ม หรือในอาคาร เช่น ว่านต่างๆ บอน เฟิร์น สาวน้อยประแป้ง โกสน พลูด่าง เดหลี วาสนา กำมะหยี่ หมากผู้หมากเมีย กล็อกซีเนีย แอฟริกันไวโอเลต และอื่นๆ พรรณไม้เหล่านี้ต้องการแสงแดดเพียง 20-40% ชอบอากาศเย็น เป็นไม้ใบที่บอบบาง บางชนิดเปราะ บางชนิดเหนียว ใบเป็นมัน หรือ สีต่างๆ ส่วนใหญ่จะมีสีเขียวมีลายที่ใบ
พรรณไม้กระถางในกลางแจ้ง (Outdoor Plants)
พรรณไม้กลางแจ้งที่นิยมปลูกในกระถาง
เป็นพรรณไม้ที่นิยมปลูกประดับสวน ริมรั้ว ริมอาคาร ระเบียง ที่นิยมปลูกกันมาก เช่น โป๊ยเซียน กุหลาบ เบญจมาศ เฟื่องฟ้า ชวนชม ว่านสี่ทิศ ดาวเรือง เป็นต้น เป็นกลุ่มไม้ที่ชอบแสงแดด ปลูกกลางแจ้งหรือร่มก็ได้ แต่ต้องได้รับแสงมากกว่า 50% ขึ้นไป สามารถปรับตัวได้ระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นถ้านำไปประดับในที่ร่มนานๆ จะไม่เจริญเติบโตต่อ

ประโยชน์ของการปลูกต้นไม้ในกระถาง

• ช่วยประหยัดพื้นที่ สามารถตั้งหรือแขวน ในพื้นที่ที่มีจำกัด
• สามารถหาที่จัดวางโยกย้าย และสับเปลี่ยนพรรณไม้ได้ง่าย
• ใช้วัสดุเหลือใช้มาทำภาชนะปลูกได้ง่าย เช่น กระป๋องพลาสติก ขวด แก้ว ต่างๆ
• ไม่เปลืองวัสดุปลูก ประหยัดเวลา อีกทั้ง ขยายพันธุ์ได้ง่าย
• สามารถควบคุมการแพร่กระจายโรคและแมลงได้ หากพบอาการผิดปกติ สามารถแก้ไขได้ง่าย
• ทำให้ต้นไม้โตช้า ช่วงคงสภาพและจัดรูปทรงของต้นไม้ได้ดี บางคนดัดแปลงทำบอนไซไม้แคระเพิ่มมูลค่า
• การดูแลรักษาในภาพรวมทำได้ง่ายไม่สิ้นเปลืองเวลา
ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
โรงงานพลาสติก L.A PLastic
129/20 หมู่4 ซ.เพชรเกษม99 แยก 5
ต.อ้อมน้อย อ. กระทุ่มแบน
จ.สมุทรสาคร 74130 ประเทศไทย

TEL: 081-903-4147

Email: la2plastic@gmail.com
line qr come ติดต่อโรงงานผลิตพลาสติก
LINE ID: @laplastic
Copyright © 2008 by "L.A PLASTIC"  •  All Rights reserved www.laplastic.biz Tel: 081-9034147