ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยสำหรับการปลูกพืชผักไว้รับประทานเองของผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนเมือง เพราะข้อจำกัดเรื่องของพื้นที่ ยิ่งเป็นพืชอย่าง "ข้าว" ด้วยแล้ว แทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าการทำนาข้าวต้องใช้เนื้อที่ขนาดใหญ่ อีกทั้งยังต้องมีความเหมาะสมทั้งลักษณะของดินและลักษณะของพื้นที่ที่ต้องกักเก็บน้ำได้ รวมถึงการเตรียมดินและวิธีการเพาะปลูกก็ค่อนข้างยุ่งยาก ทำให้การปลูกข้าวไว้รับประทานเองจึงเป็นเรื่องที่ยากและเป็นไปไม่ได้จริงๆ
แต่ปัจจุบันได้มีเกษตรกรหัวใส ซึ่งได้พัฒนาวิธีการ "ปลูกข้าวในกระถาง" ซึ่งได้กำจัดข้อจำกัดเรื่องของพื้นที่ไปอย่างสิ้นเชิง เพราะไม่ว่าอยู่ที่ไหนลักษณะพื้นที่จะเป็นอย่างไรก็สามารถปลูกข้าวได้ซึ่งการปลูกข้าวในกระถางยังเป็นวิธีการที่ง่าย ไม่ต้องไถเตรียมดินเหมือนปลูกในแปลงขนาดใหญ่ ที่สำคัญปีหนึ่งสามารถปลูกได้หลายรอบ ทำให้ผลผลิตเฉลี่ยต่อพื้นที่ของการปลูกข้าวในกระถางสูงกว่าการปลูกข้าวในแปลงนากว่าเท่าตัวเลยทีเดียว
การปลูกข้าวหรือทำนาในกระถาง ก็คือการนำเมล็ดพันธุ์ข้าวหรือกล้าข้าวมาปลูกลงในกระถาง คล้ายกับการปลูกไม้ดอกไม้ประดับทั่วไป ซึ่งเป็นวิธีง่ายๆ ทั้งยังจัดการปัจจัยต่างๆ ให้มีความเหมาะสมกับข้าวได้ไม่ยาก ทำให้ทุกสภาพพื้นที่ปลูกข้าวได้ทั้งยังได้ผลผลิตที่ดี ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ให้สำหรับผู้ที่ต้องการปลูกข้าวไว้รับประทานเอง โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในเมืองที่มีพื้นที่ไม่มากนัก หรือมีพื้นที่เป็นคอนกรีต ดาดฟ้า แม้แต่ระเบียงก็สามารถปลูกได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังรวมถึงผู้ที่อาศัยอยู่ตามชนบทไม่มีที่นาก็สามารถนำวิธีปลูกนี้ไปปลูกข้าวไว้รับประทานเองได้ด้วย
ในการทดลองปลูกได้ทดลองปลูกข้าวไรซ์เบอรี่ลงกระถางพลาสติกขนาดกว้าง 12 นิ้ว จำนวน 1,600 กระถาง ใช้พื้นที่เฉพาะวางกระถางประมาณ 400 ตารางเมตร หรือ ประมาณ 1 งาน ซึ่งได้ผลผลิตต่อรวงอยู่ที่ประมาณ 300 เมล็ด/รวง หรือ กระถางละ 0.8-1 กิโลกรัม ผลผลิตรวมที่ได้ทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 1,400 กิโลกรัม ถือว่าเป็นผลผลิตที่สูงมากเมื่อเทียบกับขนาดของพื้นที่ที่ใช้ปลูก และใน 1 ปี สามารถปลูกได้ถึง 3 ครั้ง ซึ่งจะได้ผลผลิตรวมมากถึง 4,200 กิโลกรัมเลยทีเดียว ถ้าอยากปลูกข้าวในกระถางสายพันธุ์อื่น อย่างเช่น ข้าวหอมมะลิ หรือ ข้าวญี่ปุ่น ก็สามารถประยุกค์ใช้วิธีการปลูกนี้ซึ่งวิธีการจะใกล้เคียงกัน