การเพาะเมล็ดพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับแบ่งตามประเภทเมล็ดพันธุ์และอุปกรณ์เพาะ

ความสำเร็จในการปลูกไม้ดอกไม้ประดับนั้น ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างด้วยกัน เช่น สภาพพื้นที่ปลูก สภาพแวดล้อม การดูแลรักษา และสิ่งที่สำคัญก็คือต้นกล้าที่มีคุณภาพซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้การผลิตไม้ดอกได้คุณภาพด้วย
ไม้ดอกส่วนใหญ่ปลูกกันทั่วไปนั้น ต้นกล้าจะได้มาจากการเพาะเมล็ด ซึ่งการเพาะเมล็ดไม้ดอกแตกต่างกับการเพาะเมล็ดพันธุ์พืชชนิดอื่น กล่าวคือ เมล็ดพันธุ์ไม้ดอกบางชนิดมีขนาดเล็กมากเทียบเท่ากับฝุ่นผง เช่น เมล็ดกล็อกซิเนีย บีโกเนีย และ โลบีเลีย เป็นต้น เมล็ดพันธุ์ไม้ดอกพวกนี้วัสดุที่จะใช้เพาะขึ้นอยู่กับขนาดของเมล็ดเหล่านั้นด้วย การเพาะเมล็ดไม้ดอกสามารถจัดประเภทของเมล็ดพันธุ์ไม้ดอกไว้ดังนี้

การจัดประเภทเมล็ดไม้ดอกตามขนาดเมล็ด

การจัดประเภทเมล็ดไม้ดอกไม้ประดับตามขนาดเมล็ด
1. เมล็ดที่มีขนาดเล็กมาก คือ มีจำนวนเมล็ดต่อออนซ์ตั้งแต่ล้านเมล็ดขึ้นไป ได้แก่ อัฟริกันไวโอเล็ต บีโกเนีย โลบีเลีย กล็อกซิเนีย และ กุหลาบหิน
2. เมล็ดที่มีขนาดเล็ก คือ มีจำนวนเมล็ดต่อออนซ์สองถึงสามแสนเมล็ด ได้แก่ พิทูเนีย แพรเซี่ยงไฮ้ นิโคเทียนา และ ลิ้นมังกร
3. เมล็ดที่มีขนาดไม่เล็ก คือ มีจำนวนเมล็ดต่อออนซ์ประมาณไม่ถึงหมื่นและไม่เกินห้าหมื่นเมล็ด ได้แก่ แอสเตอร์ รักเร่ บานชื่น สแตติส เยอบีร่า ดาวกระจาย ดอกกระดาษ และดาวเรือง
การจัดแบ่งประเภทของเมล็ดไม้ดอกตามขนาดของเมล็ดนั้น ทำให้สามารถจัดวัสดุเพาะและวิธีการเพาะได้สะดวกและง่ายขึ้น วิธีการเพาะและวัสดุเพาะที่ใช้เพาะเมล็ดไม้ดอกแต่ละประเภทสามารถทำได้ดังนี้

การเพาะเมล็ดไม้ดอกที่มีขนาดเล็กมาก

เช่น กล็อกซิเนีย อัฟริกันไวโอเล็ต และบีโกเนีย เป็นต้น
วิธีการเพาะเมล็ดกล้าต้นกล๊อกซิเนีย
วิธีการเพาะเมล็ดกล้าต้นอัฟริกันไวโอเล็ต
วิธีการเพาะเมล็ดกล้าต้นบีโกเนีย
1. ภาชนะที่ใช้เพาะ
กระถางดินเผา ขนาด 10 นิ้ว ตื้น (กระถางหมู่) หรืออาจใช้เป็นกระถางพลาสติกแทนได้
ขวดกาแฟชนิดเหลี่ยม
ตะกร้าพลาสติกชนิดโปร่ง
2. วัสดุเพาะ
ทราย 1 ส่วน
ขุยมะพร้าว 1 ส่วน
ดินจากใบไม้ผุ 1/2 ส่วน
3. วิธีการเพาะ
ภาชนะที่ใช้เพาะจะใช้กระถางดินเผา กระถางพลาสติก ขวดกาแฟ หรือ ตะกร้าพลาสติกก็ได้ ส่วนใหญ่แล้วการเพาะเมล็ดไม้ดอกประเภทนี้จะเพาะลงในกระถางดินเผาขนาด 10 นิ้วตื้น หรือ กระถางหมู่ เนื่องจากเก็บความชื้นได้ดีระบายน้ำได้ง่าย และสะดวกต่อการให้น้ำด้วย แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผู้ปลูกเลี้ยง คือ ถ้าต้องการปริมาณต้นกล้ามากก็อยากจะแนะนำให้เพาะลงตะกร้าพลาสติกโปร่งขนาด 12 x 15 นิ้ว จะได้ต้นกล้ามากกว่า และไม่เปลืองเนื้อที่ด้วย และถ้าต้องการเพาะเมล็ดเพียงเล็กน้อยก็อาจจะเพาะลงขวดกาแฟเหลี่ยมก็ได้แต่ภาชนะนี้ไม่ขอแนะนำให้ใช้เพราะไม่สะดวกเวลาย้ายกล้า
เมื่อเลือกภาชนะใช้เพาะได้แล้ว ก็นำวัสดุเพาะร่อนให้ละเอียดด้วยตะแกรงลวดชนิดถี่ ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากันดี แล้วจึงนำไปเข้าตู้อบความร้อน 100 องศาเซลเซียส นาน 1-2 ชั่วโมง เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อราและแบคทีเรีย ที่อาจติดมาด้วย แล้วทิ้งไว้ให้เย็นจึงนำไปเพาะเมล็ดต่อไป ในกรณีที่ไม่มีตู้อบก็ให้นำวัสดุเพาะลงคั่วในกระทะประมาณ 1-2 ชั่วโมง ทิ้งไว้ให้เย็นจึงนำมาใช้เพาะเมล็ด ใช้บัวฝอยละเอียดรดน้ำให้วัสดุเพาะพอเปียกชื้น ให้วัสดุอิ่มตัวก่อนเพื่อมิให้ขุยมะพร้าว ใบไม้ผุ ลอยขึ้นมาปิดหน้าวัสดุเพาะ หลังเพาะเมล็ดไปแล้วจะทำให้กลบเมล็ดแน่น เมล็ดจะไม่สามารถงอกได้ จากนั้นจึงนำวัสดุลงบรรจุในกระถางดินเผา เกลี่ยผิวหน้าวัสดุเพาะให้เรียบ นำเมล็ดกล็อกซิเนีย  หรือ อัฟริกันไวโอเล็ก 1 หยิบมือ (นิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มือหยิบ) ผสมกับทรายละเอียด 1 ช้อนชา ในซองกระดาษแข็งๆ เขย่าให้เมล็ดและทรายเข้ากันจึงหว่านลงบนผิวหน้าวัสดุเพาะ โดยใช้ซองกระดาษแข็งที่บรรจุเมล็ดเคาะกับนิ้วมือซ้ายหว่านให้กระจายทั่ววัสดุเพาะ ตัดกระดาษหนังสือพิมพ์ตามรูปกระถางแล้วจุ่มน้ำให้เปียกปิดหน้าวัสดุเพาะรดน้ำด้วยบัวฝอยละเอียดอีกครั้งนำไปตั้งในที่ร่ม แสงไม่จัด ควยดูแลเรื่องการให้น้ำ คือ ถ้ากระดาษปิดทับแห้งก็ให้น้ำโดยใช้บัวฝอยละเอียดรด และคอยเปิดกระดาษออกดูการงอกของเมล็ดด้วยเมล็ดจะงอกภายใน 7-10 วัน จากนั้นให้เปิดกระดาษที่ปิดออก
4. การดูแลรักษาขณะเป็นต้นกล้า
เมล็ดงอกเป็นต้นกล้าหมดแล้ว การให้น้ำต้องเปลี่ยนมาเป็นการให้แบบฉีดพ่น โดยใช้กระบอกฉีดชนิดฝอยละเอียดพ่นให้วันละ 2 ครั้ง ทั้งเช้า-บ่าย และให้ปุ๋ยยูเรียในอัตรา 1-2 ช้อนชาต่อน้ำ 5 ลิตร ฉีดพ่นให้ทุกๆ 3 วัน เมื่อเห็นว่าต้นกล้าโตและเริ่มเบียดกันแน่นจึงเตรียมการย้ายปลูก
5. วิธีการย้ายต้นกล้า
เมื่อต้นกล้าโตพอที่จะย้าย (อายุประมาณ 25-30 วัน นับจากวันเพาะเมล็ด) ให้ย้ายทันทีเพาะถ้าหากย้ายช้าเกินไปต้นกล้าจะเบียดกันแน่น แย่งแสงแดดแย่งอาหารจะทำให้ได้ต้นกล้าที่ไม่แข็งแรง ซึ่งเป็นผลทำให้มีดอกที่ไม่มีคุณภาพ สำหรับวัสดุที่ใช้ย้ายต้นกล้านั้นมีส่วนผสมดังนี้
ทราย 1 ส่วน
ขุยมะพร้าว 1 ส่วน
ปุ๋ยหมัก 1 ส่วน
วัสดุสำหรับย้ายต้นกล้านี้ต้องร่อนให้ละเอียดเช่นเดียวกับวัสดุเพาะภาชนะที่จะใช้เพาะอาจเป็นกระถางหมู่ ขนาด 10 นิ้วตื้น ทั้งชนิดที่เป็นดินเผาและพลาสติก  หรือตะกร้าพลาสติกชนิดโปร่งก็ได้ แต่โดยทั่วไปแล้วนิยมใช้กระถางหมู่ชนิดดินเผา ขนาด 10 นิ้วตื้น (กระถางแขวน) เพราะสามารถเก็บความชื้นไว้ได้ดีกว่าภาชนะชนิดอื่น ให้นำวัสดุบรรจุลงภาชนะประมาณ 3/4 ของความสูงของภาชนะที่ใช้ รดน้ำให้ชุ่มแล้วจึงย้ายต้นกล้า
เนื่องจากต้นกล้าของไม้ดอกประเภทนี้มีขนาดเล็กการใช้มือถอนทำไม่สะดวกและอาจทำให้ต้นกล้าช้ำได้ง่าย ให้ใช้ปากคีบปลายแหลมช้อนใต้ใบแล้วค่อยๆ ดึงต้นกล้าอย่าให้รากขาด จากนั้นนำลงปลูกบนวัสดุที่ทำเป็นหลุมเล็กๆ ไว้ด้วยปลายดินสอ แล้ววางต้นกล้าให้ตั้งตรงแล้วใช้ปลายดินสอค่อยๆ กลบวัสดุปลูกที่โคนต้นกล้าให้แน่น ย้ายปลุกให้ต้นกล้าห่างกัน 2-2.5 เซนติเมตร
6. การดูแลรักษาหลังย้ายต้นกล้า
ในช่วงหลังย้ายต้นกล้านี้ การให้น้ำนั้นให้ 2 เวลา เช้า-เย็น ใช้ฉีดพ่นให้และมีการให้ปุ๋ยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยใช้ปุ๋ยยูเรียอัตรา 2 ช้อนชา/น้ำ 5 ลิตร สลับกับปุ๋ยโพแทสเซียมไนเตรต (KNO3) ฉีดพ่นให้ทางใบ ส่วนยากำจัดโรคและเมลงนั้นไม่จำเป็นต้องให้บ่อยครั้ง เพราะไม่ค่อยจะพบปัญหาที่เกิดจากโรค แต่ควรจะมีการป้องกันไว้โดยใช้เซฟวินสำหรับแมลง ส่วนการกำจัดโรคนั้น ใช้แอกริมัยซินหรือ คาโคนิล ฉีดพ่น

การเพาะเมล็ดไม้ดอกที่มีขนาดเล็ก

เมล็ดพันธุ์ไม้ดอกพวกนี้ได้แก่ พิทูเนีย จิ๊บโซฟิลล่า ลิ้นมังกร และ แพรเซี่ยงไฮ้ เมล็ดไม้ดอกประเภทนี้เจริญเติบโตเร็ว วัสดุเพาะควรจะมีอาหารของพืชสะสมอยู่ วัสดุเพาะและอุปกรณ์ที่ใช้เพาะมีดังนี้
วิธีการเพาะเมล็ดกล้าต้นพิทูเนีย
วิธีการเพาะเมล็ดกล้าต้นจิ๊บโซฟิลล่า
วิธีการเพาะเมล็ดกล้าต้นลิ้นมังกร
วิธีการเพาะเมล็ดกล้าต้นแพรเซี่ยงไฮ้
1. ภาชนะที่ใช้เพาะ
ตะกร้าพลาสติกโปร่ง ขนาด 12 x 15 นิ้ว
กระบะไม้ หรือกระบะพลาสติก ขนาด 15 x 20 นิ้ว
2. วัสดุเพาะ
ทราย 1 ส่วน
ดินจากใบไม้ผุ 1 ส่วน
ปุ๋ยหมัก 1 ส่วน
3. วิธีการเพาะ
ผสมวัสดุเพาะทุกชนิดให้เข้ากันนำเข้าตู้อบเพื่อฆ่าเชื้อหรือจะใส่กระทะคั่วก็ได้ วิธีการเช่นเดียวกับการเพาะเมล็ดไม้ดอกที่เล็กมาก ภาชนะที่จะใช้เพาะอาจจะใช้ตะกร้าพลาสติกหรือกระบะก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ ตะกร้าพลาสติกมีน้ำหนักเบาเคลื่อนย้ายสะดวก ราคาไม่แพง แต่มีข้อเสียที่ไม่ค่อยทน ใช้ได้ประมาณ 3-4 ครั้ง พลาสติกจะเปราะและหักไปในที่สุด ส่วนภาชนะที่ทำจากไม้นั้นค่อนข้างมีน้ำหนักและแพงกว่าตะกร้าพลาสติก แต่มีความคงทนดีกว่าใช้ได้นานหลายปีส่วนใหญ่นิยมใช้ตะกร้าพลาสติก  ก่อนเพาะเมล็ดใช้กระดาษหนังสือพิมพ์รองก้นตะกร้า นำวัสดุเพาะบรรจุปริมาณ 2/3 ของความสูงภาชนะเพาะ รดน้ำให้ชุ่มปรับผิววัสดุเพาะให้เรียบ ใช้ไม้ที่มีความหนา 1-2 เซนติเมตร นำเมล็ดที่นะเพาะ ค่อยๆ โรยไปตามร่องตัดกระดาษหนังสือพิมพ์ให้พอดีกับตะกร้าจุ่มน้ำให้เปียกแล้วปิดทับหน้าวัสดุใช้บัวรดน้ำฝอยละเอียดรดน้ำให้ชุ่มอีกครั้งนำไปเก็บไว้ในที่ร่มแสงร่ำไร อากาศอบอ้าว สังเกตเรื่องความชื้นเมื่อเห็นว่ากระดาษปิดทับแห้งก็รดน้ำ เมล็ดจะงอกภายใน 5-7 วัน หลังเพาะเปิดกระดาษออกนำไปไว้ในที่ร่มชื้นและมีแสงสว่าง
4. การดูแลรักษาขณะเป็นต้นกล้า
การดูแลต้นกล้าควรให้ปุ๋ยยูเรียอัตรา 1 ช้อนชา ผสมน้ำ 5 ลิตร ฉีดพ่นให้ 3-4 วัน/ครั้ง สลับกันจนต้นกล้าแตกใบจริง 1 คู่ จึงย้ายกล้า เมื่ออายุกล้าได้ 15-20 วัน หลังเพาะเมล็ด
5. การย้ายต้นกล้า
เนื่องจากเมล็ดไม้ดอกประเภทนี้เจริญเติบโตเร็วกว่าประเภทแรก การย้ายกล้าจะทำเมื่อต้นกล้ามีอายุได้ประมาณ 3 สัปดาห์ นับจากวันเพาะเมล็ด วัสดุสำหรับย้ายกล้ามี
ทราย 1 ส่วน
ดินจากใบไม้ผุ 2 ส่วน
ปุ๋ยหมัก 1 ส่วน
ขี้เถ้าแกลบ 1 ส่วน
นำวัสดุเหล่านี้ผสมให้เข้ากันรดน้ำให้เปียกชื้นบรรจุลงตะกร้าพลาสติกถอนต้นกล้าลงปลูก ระยะห่างประมาณ 2.5-3 เซนติเมตร
6. วิธีการย้ายต้นกล้า
เนื่องจากต้นกล้าของไม้ดอกประเภทนี้มีขนาดเล็กการใช้มือถอนทำไม่สะดวกและอาจทำให้ต้นกล้าช้ำได้ง่าย ให้ใช้ปากคีบปลายแหลมช้อนใต้ใบแล้วค่อยๆ ดึงต้นกล้าอย่าให้รากขาด จากนั้นนำลงปลูกบนวัสดุที่ทำเป็นหลุมเล็กๆ ไว้ด้วยปลายดินสอ แล้ววางต้นกล้าให้ตั้งตรงแล้วใช้ปลายดินสอค่อยๆ กลบวัสดุปลูกที่โคนต้นกล้าให้แน่น ย้ายปลุกให้ต้นกล้าห่างกัน 2-2.5 เซนติเมตร คอยให้น้ำเมื่อเห็นวัสดุปลูกแห้ง โดยฉีดพ่นให้แก่ต้นกล้าหรืออาจจะใช้บัวรดน้ำชนิดฝอยละเอียดรดให้ก็ได้ พ่นปุ๋ยยูเรีย (อัตราส่วนกล่าวมาแล้วข้างต้น) 3-4 วันต่อครั้ง เมื่อต้นกล้าเจริญเติบโตจนขอบใบซ้อนกันหรือแตกใบจริง 2 คู่ ย้ายลงปลูกประดับตามตามสถานที่ต่างๆ หรือปลูกเป็นไม้กระถางไม้ตัดดอกต่อไป อีกวิธีหนึ่งสำหรับการย้ายกล้าไม้ดอกประเภทนี้คือ ย้ายลงถุงพลาสติกขนาด 3 x 4 นิ้ว ซึ่งบรรจุวัสดุปลูกเรียบร้อยแล้ว และการดูแลรักษาช่วงต้นกล้าอยู่ในถุงนี้ รดน้ำทุกเช้าให้ปุ๋ย 3-4 วันต่อครั้ง และยาป้องกันกำจัดโรคเน่าสัปดาห์ละครั้งจนกล้าเจริญเติบโตทรงพุ่มเต็มถุง หรือ อายุ 50-55 วัน นับแต่การเพาะเมล็ด จึงย้ายปลูกในแปลงหรือกระถาง เพื่อให้ดอกต่อไป

การเพาะเมล็ดไม้ดอกที่มีขนาดไม่เล็ก

เมล็ดไม้ดอกประเภทนี้จะงอกและมีการเจริญเติบโตเร็วได้แก่ ดาวเรือง บานชื่น ซัลเวีย เทียน คาร์เนชั่น แพนซี แอสเตอร์ ดาวกระจาย ไม้ดอกประเภทนี้ส่วนใหญ่จะเป็นไม้ที่ปลูกกลางแจ้ง ซึ่งก็มีบางชนิดที่สามารถปลูกได้โดยตรงคือไม่ต้องเพาะกล้าเลย เช่น ดาวเรือง บานชื่น และเทียน เป็นต้น คือหลังจากเตรียมแปลงปลูกเรียบร้อยแล้ว กะระยะปลูกทำหลุมแล้วหยอดเมล็ดลงหลุมละ 3-4 ต้น เมื่อต้นกล้างอกก็เหลือต้นที่แข็งแรงไว้ 1 ต้น/หลุม นอกนั้นถอนทั้งหมด ดูแลรักษาเรื่องการให้ปุ๋ย ให้น้ำตลอดจนการกำจัดวัชพืช ต้นกล้าก็จะให้ดอกในเวลาต่อมา
วิธีการเพาะเมล็ดกล้าต้นดาวเรือง
วิธีการเพาะเมล็ดกล้าต้นบานชื่น
วิธีการเพาะเมล็ดกล้าต้นซัลเวีย
วิธีการเพาะเมล็ดกล้าต้นเทียน
วิธีการเพาะเมล็ดกล้าต้นคาร์เนชั่น
วิธีการเพาะเมล็ดกล้าต้นแพนซี
วิธีการเพาะเมล็ดกล้าต้นแอสเตอร์
วิธีการเพาะเมล็ดกล้าต้นดาวกระจาย
แต่ก็มีไม้ดอกบางชนิดของประเภทนี้ที่ต้องการเพาะกล้าก่อนปลูก เช่น คาร์เนชัน แอสเตอร์ ซัลเวีย และแพนซี เป็นต้น ซึ่งสามารถจะเพาะได้ในร่มโดยใช้ตะกร้าพลาสติก และเพาะกลางแจ้งคือทำแปลงเพาะ การเพาะในตะกร้าพลาสติกจะได้จำนวนต้นกล้าน้อยเนื่องจากต้นกล้าเจริญเติบโตเร็วและมีต้นใหญ่ วิธีการเพาะสามารถใช้วัสดุเพาะเช่นเดียวกับเมล็ดไม้ดอกที่มีขนาดเล็ก ตลอดจนวิธีการย้ายต้นกล้าและวัสดุที่ใช้สำหรับย้ายต้นกล้า

การเพาะเมล็ดไม้ดอกในถาดเพาะกล้า

อุปกรณ์เพาะกล้าเมล็ดไม้ดอกไม้ประดับที่นิยมในปัจจุบัน
ปัจจุบันการเพาะเมล็ดไม้ดอกนิยมเพาะในถาดเพาะกล้า เนื่องจากสะดอกต่อการปฏิบัติงาน และมีถาดให้เลือกหลายขนาดและหลุมที่หลากหลายให้เหมาะสมกับเมล็ดพันธุ์ไม้ดอก
วิธีการเพาะเมล็ดไม้ดอกในถาดเพาะกล้า หรือ ถาดหลุม
ที่ทำจากพลาสติก โดยมีวัสดุที่ใช้เพาะเป็นพีทมอส (peat Moss) หรือ ขุยมะพร้าวผสมทรายละเอียด จากนั้นรดน้ำเล็กน้อยพอชื้น บรรจุวัสดุเพาะดังกล่าวลงถาดเพาะให้เต็มหลุม และไม่ควรกดวัสดุเพาะ เนื่องจากจะทำให้แน่นเกินไปรากจะไม่สมบูรณ์ เคาะถาดเพาะกล้าเล็กน้อยเพื่อตรวจดูว่าวัสดุเพาะเต็มหลุม ปาดหน้าถาดเพาะกล้าให้เรียบใช้ปลายดินสอกดวัสดุปลูกเพื่อทำให้เป็นรูสำหรับหยอดเมล็ด และอาจใช้สารเคมีกันเชื้อราพวกเทอร์ราคลอร์ ในอัตรา 2 ซี.ซี ผสมกับน้ำ 5 ลิตร เพื่อป้องกันเชื้อรา นำถาดเพาะกล้าวางลงในถุงพลาสติกใส (ถ้าเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ไม่ต้องกลบเมล็ด) หรือวางลงในถุงพลาสติกสีดำ (ถ้าเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ต้องกลบเมล็ด) รัดปากถุงให้แน่นตรวจดูทุกวัน เมื่อเห็นต้นกล้างอกและมีใบเลี้ยงขึ้น 2 ใบ ให้ย้ายปลูกได้ต่อไป
ข้อคิด การเพาะเมล็ดไม้ดอกไม้ประดับเพื่อให้ได้ต้นกล้าที่ดีนั้น จะประสบผลสำเร็จก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของเมล็ด ซึ่งต้องสมบูรณ์เมล็ดไม่รีบ-ฝ่อ พ้นระยะพักตัวเปอร์เซ็นต์ความงอกสูงและปราศจากโรงและแมลงศัตรูพืช นอกจากนั้น ยังเกี่ยวกับการจัดสภาพแวดล้อมที่ดี เช่น ความชื้น แสง อุณหภูมิ รวมถึงการจัดการที่ดี คือ วิธีการเพาะ การดูแลรักษา จากการปฏิบัติดังกล่าวข้างต้นจะได้มาซึ่งต้นกล้าไม้ดอกไม้ประดับที่มีคุณภาพ และก็ย่อมหมายถึงผลผลิตที่จะตามมาย่อมมีคุภาพไปด้วย
โรงงานพลาสติก L.A PLastic
129/20 หมู่4 ซ.เพชรเกษม99 แยก 5
ต.อ้อมน้อย อ. กระทุ่มแบน
จ.สมุทรสาคร 74130 ประเทศไทย

TEL: 081-903-4147

Email: la2plastic@gmail.com
line qr come ติดต่อโรงงานผลิตพลาสติก
LINE ID: @laplastic
Copyright © 2008 by "L.A PLASTIC"  •  All Rights reserved www.laplastic.biz Tel: 081-9034147