5 ผักสวนครัวที่นิยมปลูก ปลูกง่าย โตเร็ว ใช้เวลาและพื้นที่น้อย

แนะนำ 5 ผักสวนครัว ปลูกง่ายโตเร็วมีอะไรบ้างที่ใช้พื้นที่น้อยปลูกเองที่บ้านได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะปลูกในแปลงหรือในกระถาง เซฟงบ สะอาด ปลอดภัยแบบไร้สารเคมี
การปลูกผักสวนครัว เป็นกิจกรรมยามว่างที่นอกจากจะช่วยให้เราใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ยังเป็นการช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้อย่างดี เพราะจะสามารถประหยัดค่าอาหารต่าง ๆ ได้ไม่น้อย จากการนำผักสวนครัวมาประกอบอาหารหรือหากถ้าสามารถปลูกผักสวนครัวในปริมาณมากก็สามารถนำไปขายเพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัวได้อีกทางหนึ่ง

1. พริกขี้หนู

พริกขี้หนูเป็นที่นิยมปลูก ปลูกง่ายโตไว
วิธีปลูกพริกในแปลงและกระถางง่ายๆ

ลักษณะทั่วไปของพริกขี้หนู

พริกขี้หนูสามารถปลูกได้ในดินแทบทุกชนิด แต่ดินที่เหมาะสมที่สุด คือ ดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำได้ดี มีความเป็นกรดด่าง 6.0-6.8 ปลูกได้ตลอดปี เป็นพืชที่ใช้ส่วนของผลบริโภค ในรูปพริกสดและพริกแห้ง และสามารถใช้ประกอบอาหารได้หลายชนิด มีรสเผ็ด

การเพาะกล้าพริกขี้หนู

1. ให้เตรียมดินละเอียดพร้อมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 2 : 1 และใส่ดินผสมดังกล่าวลงในถาดพลาสติกเพาะกล้า ขนาด 72 หรือ 104 หลุมต่อถาด หรือหากเพาะในถุงพลาสติกให้ใช้ขนาด 2 x 3 นิ้ว
2. ใช้เศษไม้เล็ก ๆ กดลงไปในดินที่บรรจุอยู่ในถาดเพาะกล้า หรือถุงพลาสติก ขนาดความลึก 0.5 เซนติเมตร
3. นำเมล็ดพริกขี้หนูหยอดลงในหลุมปลูก หลุมละ 1-2 เมล็ด
4. กลบดินผิวหน้าเมล็ดพริกขี้หนูแล้วรดน้ำ และควรป้องกันมดมาคาบเมล็ดไปจากถาดพลาสติกเพาะกล้า โดยใช้ปูนขาวโรยล้อมถาดเพาะไว้
5. หลังเพาะนาน 7-10 วัน พริกเริ่มงอก หมั่นรดน้ำต้นกล้าพริกขี้หนู ทุกวัน ๆ ละ 1-2 ครั้ง ในช่วงเช้าและเย็นจนกระทั่งต้นกล้าพริกขี้หนูมีอายุ 25-30 วัน จึงย้ายกล้าพริกขี้หนูลงปลูกในกระถางหรือในแปลงปลูก

การปลูกพริกขี้หนูในแปลงหรือในภาชนะปลูก

1. ปลูกในแปลง ควรเตรียมดินปลูกโดยใช้จอบขุดย่อยหน้าดินลึก 15-20 เซนติเมตร และย่อยดินให้ละเอียด ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก หว่านและคลุกเคล้าให้เข้ากับดินในแปลง
2. การปลูกในภาชนะต่างๆ (กระถาง เข่ง ถาด)  ให้ผสมดินปลูกในภาชนะโดยใช้ดินร่วนละเอียดผสมกับ ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก ในอัตรา 2 : 1 หรือดินร่วนผสม ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักและขี้เถ้าแกลบหรือขุยมะพร้าว
อัตรา 1:1:1

การดูแลรักษาพริกขี้หนู

ให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ และในช่วงการติดผลต้องระมัดระวังให้น้ำอย่าง สม่ำเสมออย่าให้ขาด

การเก็บเกี่ยวพริกขี้หนู

หลังย้ายปลูกนาน 60 วัน พริกขี้หนูเริ่ม ทยอยให้ผลผลิต สามารถเก็บผลผลิตได้นาน 2-3 เดือน ควรหมั่นเก็บผลผลิตพริกขี้หนูที่เริ่มแก่ออกมาใช้บริโภค และอาจตัดแต่งกิ่งหรือตัดต้นที่เป็นโรคหรือโทรม เพื่อทำให้ต้นแข็งแรงสามารถให้ผลผลิตรุ่นใหม่ได้ดีขึ้น หากมีการดูแลรักษาอย่างดี สามารถปลูกข้ามปีได้

2. มะเขือเปราะ

มะเขือเปราะเป็นที่นิยมปลูก ปลูกง่ายโตไว
วิธีปลูกมะเขือเปราะในแปลงและกระถางง่ายๆ

ลักษณะทั่วไปของมะเขือเปราะ

มะเขือเปราะ มีลักษณะเป็นไม้พุ่มสูง 60-120 เซนติเมตร เป็นพืชผักที่มีอายุยืน ใบมีขนาดใหญ่เรียงตัวแบบสลับ ดอกมีขนาดใหญ่สีม่วงหรือสีขาว เป็นดอกเดี่ยว ผลมีรูปร่างกลมแบนหรือรูปไข่ อาจมีสีขาว เขียว เหลือง ม่วง ขึ้นอยู่กับพันธุ์ มีคุณสมบัติบรรเทาอาการของโรคเบาหวาน เนื่องจากมะเขือเปราะมีสรรพคุณคล้ายกับอินซูลิน ลดปริมาณน้ำตาลในเลือด ช่วยขับพยาธิ ลดการอักเสบ ช่วยให้ระบบย่อยและระบบขับถ่ายทำงานดี

การเพาะกล้ามะเขือเปราะ

1. ให้เตรียมดินละเอียดพร้อมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 2 : 1 และใส่ดินผสมดังกล่าว ลงในถาดพลาสติกเพาะกล้า ขนาด 72 หรือ 104 หลุม ต่อถาดหรือหากเพาะในถุงพลาสติกให้ใช้ขนาด 2 x 3 นิ้ว
2. ใช้เศษไม้เล็ก ๆ กดลงไปในดินที่บรรจุอยู่ในถาดเพาะกล้าหรือถุงพลาสติกขนาดความลึก 0.5 เซนติเมตร
3. นำเมล็ดมะเขือเปราะหยอดลงในหลุมปลูก หลุมละ 1-2 เมล็ด
4. กลบดินผิวหน้าเมล็ดมะเขือเปราะแล้วรดน้ำ และควรป้องกันมดมาคาบเมล็ดไปจากถาดพลาสติกเพาะกล้า โดยใช้ปูนขาวโรยล้อมถาดเพาะไว้
5. หลังเพาะนาน 7-10 วัน เมล็ดเริ่มงอก หมั่นรดน้ำต้นกล้ามะเขือเปราะทุกวัน ๆ ละ 1-2 ครั้ง ในช่วงเช้าและเย็นจนกระทั่งต้นกล้ามะเขือเปราะมีอายุ 25-30 วัน จึงย้ายกล้ามะเขือเปราะลงปลูกในกระถางหรือในแปลงปลูก

การปลูกมะเขือเปราะในแปลงหรือในภาชนะปลูก

1. ปลูกในแปลง ควรเตรียมดินปลูก โดยใช้จอบขุดย่อยหน้าดินลึก 15-20 เซนติเมตร และย่อยดินให้ละเอียด ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก หว่านและคลุกเคล้าให้เข้ากับดินในแปลง
2. การปลูกในภาชนะต่างๆ (กระถาง เข่ง ถาด)  ให้ผสมดินปลูกในภาชนะโดยใช้ดินร่วนละเอียดผสมกับปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมักในอัตรา 2 : 1 หรือดินร่วนผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก และขี้เถ้าแกลบหรือขุยมะพร้าว อัตรา 1:1:1

การดูแลรักษามะเขือเปราะ

ให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ และในช่วงการติดผลต้องระมัดระวังให้น้ำอย่างสม่ำเสมออย่าให้ขาด

การเก็บเกี่ยวมะเขือเปราะ

หลังย้ายปลูกนาน 45-60 วัน มะเขือเปราะเริ่มทยอยให้ผลผลิต สามารถเก็บผลผลิตไปบริโภคได้และหลังจากที่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตมะเขือเปราะไปแล้วประมาณ 2 เดือน ควรตัดแต่งกิ่งออกบ้าง เพื่อทำให้ลำต้นมะเขือเปราะเจริญเติบโตแตกกิ่งก้านใหม่ที่มีความแข็งแรง จะให้ผลผลิตรุ่นใหม่ได้อีก และควรทำการตัดแต่งและบำรุงต้นมะเขือเปราะเช่นนี้ทุก ๆ 2-3 เดือน

3. โหระพา

โหระพาเป็นที่นิยมปลูก ปลูกง่ายโตไว
วิธีปลูกโหระพาในแปลงและกระถางง่ายๆ

ลักษณะทั่วไปของโหระพา

โหระพา เป็นพืชล้มลุกอายุสั้น ลำต้นทรงพุ่มสูงประมาณ 60-70 เซนติเมตร ใบเขียว ก้านใบและลำต้นสีม่วง ใบมีกลิ่นหอม โหระพาเป็นผักที่ใช้ใบบริโภค ใช้ปรุงแต่งอาหารให้มีรสชาติและกลิ่นหอมน่ารับประทาน

การเพาะกล้าโหระพา

ทำแปลงเพาะขนาดกว้าง 1 เมตร ความยาวแล้วแต่แปลง ย่อยดินให้ละเอียดคลุกเคล้าปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก แล้วหว่านเมล็ดให้ทั่วแปลง หลังเพาะประมาณ 7-10 วัน เมล็ดเริ่มงอกดูแลรักษาต้นกล้าอายุประมาณ 25-35 วัน ก็สามารถย้ายปลูกได้ หรืออาจเพาะกล้าในถุงพลาสติกขนาด 2 x 3 นิ้ว โดยหยอด 2-3 เมล็ดต่อถุง
ในกรณีใช้กิ่งพันธุ์สำหรับปลูก ให้เลือกกิ่งที่ค่อนข้างแก่ และควรเป็นกิ่งสดความยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร หรือมีข้อประมาณ 5 ข้อขึ้นไป ใช้มีดคม ๆ เฉือนบริเวณโคนต้น แล้วนำไปชำในภาชนะที่ใช้ดินผสม ดูแลรดน้ำประมาณ 7-10 วัน ตาใหม่จะเริ่มแตกออกมา หรืออาจนำไปปลูกในภาชนะปลูกโดยตรงก็ได้

การปลูกโหระพาในแปลงหรือในภาชนะปลูก

1. ปลูกในแปลง ใช้จอบขุดย่อยหน้าดินให้ลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร ย่อยดินให้ละเอียดใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก หว่านคลุกเคล้าให้เข้ากับดินในแปลง ใช้ระยะ ปลูกระหว่างต้น 30 เซนติเมตร ระหว่างแถว 30-50 เซนติเมตร
2. การปลูกในภาชนะต่างๆ (กระถาง เข่ง ถาด) เลือกภาชนะที่มีขนาดปานกลางมีน้ำหนักไม่มากหากต้องการปลูกแบบแขวน แต่พื้นที่ปลูกในภาชนะแบบตั้งอยู่บนพื้นดิน อาจใช้ภาชนะใหญ่เพื่อปลูกหลาย ๆ ต้น หรือใช้ภาชนะขนาดเล็กเพื่อปลูกเพียง 1 ต้นก็ได้ ใช้ดินผสมใส่ลงในภาชนะและย้ายกล้าลงปลูก หรือนำกิ่งมาปักชำก็ได้เช่นกัน

การดูแลรักษาโหระพา

1. การให้น้ำ ให้น้ำอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอทุกวัน
2. การกำจัดวัชพืช ควรกำจัดวัชพืชทุกครั้งที่มีการให้ปุ๋ยและเมื่อมีวัชพืชรบกวน

การเก็บเกี่ยวโหระพา

หลังปลูกประมาณ 30-35 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้โดยใช้มือเด็ดหรือกรรไกรตัดกิ่งที่มียอดอ่อนไปบริโภค และถ้าต้นโหระพาออกดอกควรหมั่นตัดแต่งดอกทิ้ง เพื่อให้โหระพามีทรงพุ่มที่แข็งแรงและมีอายุยืนยาว

4. กะเพรา

กระเพราเป็นที่นิยมปลูก ปลูกง่ายโตไว
วิธีปลูกกะเพราในแปลงและกระถางง่ายๆ

ลักษณะทั่วไปของกะเพรา

กะเพรา เป็นพืชล้มลุกที่มีอายุข้ามปีลำต้นเป็นทรงพุ่มสูงประมาณ 70-80 เซนติเมตร ลำต้นและใบมีขนเล็กน้อย ใบมีสีเขียวและสีม่วง ใบมีกลิ่นหอม กะเพราเป็นพืชที่ใช้ใบประกอบปรุงแต่งอาหาร เพื่อดับกลิ่นคาวและทำให้อาหารมีรสชาติและกลิ่นหอมน่ารับประทาน

การเพาะกล้ากะเพรา

ทำแปลงเพาะขนาดความกว้าง 1 เมตร ความยาวแล้วแต่แปลง ย่อยดินให้ละเอียด คลุกเคล้าปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักแล้วหว่านเมล็ดให้ทั่วแปลง หลังเพาะประมาณ 7-10 วัน เมล็ดเริ่มงอก ดูแลรักษาต้นกล้าอายุต้นกล้าประมาณ 25-30 วัน ก็สามารถย้ายปลูกได้

การปลูกกะเพราในแปลงหรือในภาชนะปลูก

1. ปลูกในแปลง ใช้จอบขุดดินลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร หรือ 1 หน้าจอบ ใส่ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมักลงแปลงกว้าง 1 เมตร ความยาวแล้วแต่ขนาดแปลง ขุดหลุมปลูกขนาดลึก 1/2 หน้าจอบ ใช้ระยะห่างระหว่างต้น 30 เซนติเมตร ระหว่างแถว 60 เซนติเมตร นำต้นกล้าลงปลูกในหลุมปลูกแล้วรดน้ำตาม
2. การปลูกในภาชนะต่างๆ (กระถาง เข่ง ถาด) 2. การปลูกในภาชนะต่างๆ (กระถาง เข่ง ถาด) ให้ผสมดินปลูกในภาชนะโดยใช้ดินร่วนละเอียดผสมกับปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมักในอัตรา 2 : 1 หรือดินร่วนผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก และขี้เถ้าแกลบหรือขุยมะพร้าว อัตรา 1:1:1 ควรเลือกกระถางให้พอเหมาะและน้ำหนักเบาเช่นกระถางพลาสติก หรือหากที่บ้านมีลังพลาสติกก็สามารถใช้แทนกระถางได้

การดูแลรักษากะเพรา

1. การให้น้ำ ให้น้ำอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอทุกวัน
2. การกำจัดวัชพืช ควรกำจัดวัชพืชทุกครั้งที่มีการให้ปุ๋ยและเมื่อมีวัชพืช รบกวน

การเก็บเกี่ยวกะเพรา

หลังปลูกประมาณ 30-35 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้โดยใช้มือหรือกรรไกรตัดกิ่งที่มียอดอ่อนไปบริโภค และถ้าต้นกะเพราออกดอกควรหมั่นตัดแต่งดอกทิ้ง เพื่อให้กะเพรามีทรงพุ่มที่แข็งแรงและมีอายุยืนยาว

5. ชะอม

ชะอมเป็นที่นิยมปลูก ปลูกง่ายโตไว
วิธีปลูกชะอมในแปลงและกระถางง่ายๆ

ลักษณะทั่วไปของชะอม

ชะอม เป็นพืชกึ่งพุ่มกึ่งเลื้อย ลำต้นและกิ่งก้านมีหนามแหลม ใบเป็นใบประกอบลักษณะคล้ายใบกระถิน ใบอ่อนมีกลิ่นฉุนทำให้มีแมลงศัตรูพืชน้อยชนิดที่กล้าเข้ามายุ่ง นอกจากนี้ ยังมีสารเบต้าแคโรทีนที่ช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ด้วย

การเพาะกล้าชะอม

ชะอม สามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยวิธีการปักชำ ตอนกิ่ง และการโน้มกิ่ง ที่มีข้อปักดิน และเพาะเมล็ด วิธีที่สะดวกคือ ให้เลือกกิ่งพันธุ์ที่ไม่อ่อนหรือแก่เกินไป ไม่เป็นโรค ตัดเป็นท่อนยาวประมาณ 30 เซนติเมตร หรือเลือกใช้กิ่งพันธุ์ขนาดยาวประมาณ 30 เซนติเมตร ที่มีรากแข็งแรง อายุประมาณ 45 วัน เป็นกิ่งพันธุ์หรือท่อนพันธุ์ในการปลูก

การปลูกชะอมในแปลงหรือในภาชนะปลูก

1. ปลูกในพื้นที่โปร่ง และได้รับแสงแดดตลอดทั้งวัน เป็นท่อนพันธุ์ให้ใช้ระยะปลูก 50 x 50 เซนติเมตร โดยขุดหลุมปลูก ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก 1-2 กำมือคลุกเคล้ากับดินให้เข้ากัน ใช้ระยะปลูกประมาณ 1 x 1 เมตร โดยวางกิ่งพันธุ์ให้เอียง 45 องศา ในหลุมที่เตรียมไว้ แล้วกลบดินให้แน่น โดยปกติจะนิยมปลูกในช่วงฤดูฝน เพราะไม่ต้องดูแลมากนัก
2. การปลูกในภาชนะต่างๆ (กระถาง เข่ง ถาด) ให้เลือกภาชนะที่มีขนาดใหญ่ มีความลึกไม่ต่ำกว่า 50 เซนติเมตร โดยใช้ส่วนผสมของดิน ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก และขุยมะพร้าวหรือขี้เถ้าแกลบ ในอัตราเท่ากัน

การดูแลรักษาชะอม

1. การให้น้ำ พิจารณาให้น้ำตามสภาพความชื้นในพื้นที่ปลูก ให้น้ำ 2 วัน ครั้งในช่วงแรก และลดความถี่ในการให้น้ำลงเหลืออาทิตย์ละครั้ง
2. ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ประมาณ 1-2 กำมือ เดือนละครั้ง กำจัดวัชพืชพร้อมกับการพรวนดิน เมื่อต้นชะอมเจริญเติบโตได้ดีแล้ว ควรมีการตัดแต่ง เพื่อกระตุ้นให้เกิดยอดอ่อน โดยอาจจะเหลือต้นยาวประมาณ 30 เซนติเมตรจากโคนเพื่อให้แตกกิ่งใหม่ หรือให้เลี้ยงให้ได้ทรงพุ่มสูงประมาณ 1-1.5 เมตร เพื่อสะดวกในการเก็บ
3. การป้องกันกำจัดโรคและแมลงที่พบสำคัญ ได้แก่ โรครากเน่า โคนเน่า ให้แก้ไขโดยใส่ปูนขาวเพื่อปรับสภาพดิน หรือใช้สารกำจัดเชื้อราในดินเป็นครั้งคราว แมลงศัตรูที่พบ ได้แก่ หนอน หากพบให้จับทิ้งนอกพื้นที่ หรือใช้สารสะเดาในการป้องกันและกำจัด

การเก็บเกี่ยวชะอม

เริ่มเก็บเกี่ยวได้เมื่อชะอมอายุประมาณ 3 เดือนขึ้นไป เก็บได้ทุก 3 วัน ต่อครั้ง การตัดชะอมควรตัดในตอนเช้าตรู่ โดยใช้มีดบางและคมตัดเพื่อให้แผลที่ตัดไม่ซ้ำ ในช่วงฤดูหนาว ชะอมจะไม่ค่อยแตกยอด และไม่ควรเก็บยอดจนหมดต้น ควรให้เหลือยอดชะอมไว้ประมาณ 3-4 ยอดต่อต้น
โรงงานพลาสติก L.A PLastic
129/20 หมู่4 ซ.เพชรเกษม99 แยก 5
ต.อ้อมน้อย อ. กระทุ่มแบน
จ.สมุทรสาคร 74130 ประเทศไทย

TEL: 081-903-4147

Email: la2plastic@gmail.com
line qr code ติดต่อโรงงานผลิตพลาสติก
LINE ID: @laplastic
Copyright © 2008 by "L.A PLASTIC"  •  All Rights reserved www.laplastic.biz Tel: 081-9034147